กลยุทธ์การซื้อขายแบบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ไขว้กันเป็นกลยุทธ์ที่ใช้การไขว้กันของเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นและระยะยาวเพื่อระบุแนวโน้มตลาด เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดกับเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวขึ้นมา เป็นสัญญาณซื้อ และเมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดลง เป็นสัญญาณขาย
กลยุทธ์นี้ประกอบด้วยการใช้เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่สองเส้น: เส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นและเส้นค่าเฉลี่ยระยะยาว การตัดกันของเส้นทั้งสองนี้บ่งบอกถึงแนวโน้มตลาดที่เปลี่ยนไป
เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้น (เช่น 10 วัน) ตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาว (เช่น 50 วัน) จากด้านล่างขึ้นมา ถือเป็นสัญญาณซื้อ ซึ่งแสดงถึงโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวขึ้น
เมื่อเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะสั้นตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ระยะยาวจากด้านบนลงมา ถือเป็นสัญญาณขาย ซึ่งแสดงถึงโอกาสที่ตลาดจะปรับตัวลง
การปรับปรุงกลยุทธ์การซื้อขายแบบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ไขว้กันสามารถทำได้โดยการใช้เครื่องมือทางเทคนิคอื่นๆ เช่น RSI, MACD หรือการวิเคราะห์ปริมาณการซื้อขาย เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณและลดความเสี่ยง
การใช้กรอบเวลาที่ต่างกัน เช่น กรอบเวลาใหญ่กว่าเพื่อยืนยันแนวโน้ม และกรอบเวลาเล็กกว่าเพื่อหาจังหวะเข้า-ออก สามารถช่วยเพิ่มความแม่นยำ
การเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมตามตลาด เช่น เส้นค่าเฉลี่ยสั้น 5 วันและยาว 20 วัน ในตลาดที่ผันผวนมาก หรือเส้นค่าเฉลี่ยสั้น 50 วันและยาว 200 วัน ในตลาดที่เคลื่อนไหวช้ากว่า
การใช้เครื่องมือเสริม เช่น RSI หรือ MACD เพื่อยืนยันการกลับตัวหรือแนวโน้มสามารถลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอกได้
สมมติว่าในกราฟรายวันของคู่เงิน EUR/USD มีการใช้เส้นค่าเฉลี่ย 10 วัน และ 50 วัน เมื่อเส้นค่าเฉลี่ย 10 วันตัดผ่านเส้นค่าเฉลี่ย 50 วันขึ้นมา แสดงถึงสัญญาณซื้อ (Golden Cross) พร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น นักเทรดสามารถพิจารณาเปิดสถานะซื้อและตั้ง Stop Loss ที่จุดต่ำสุดล่าสุด
กลยุทธ์การซื้อขายแบบเส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ไขว้กันเป็นเครื่องมือที่ดีในการติดตามแนวโน้มตลาด โดยเฉพาะในตลาดที่มีแนวโน้มชัดเจน อย่างไรก็ตาม การใช้ร่วมกับอินดิเคเตอร์อื่นๆ จะช่วยเพิ่มความแม่นยำและลดความเสี่ยงจากสัญญาณหลอก