วิธีการค้ารูปแบบ Double Top และ Double Bottom
ผู้เขียน:   2024-10-21   คลิ:11

การเทรดด้วยรูปแบบ Double Top และ Double Bottom

1. รูปแบบ Double Top คืออะไร?

Double Top เป็นรูปแบบการกลับตัวที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาขึ้น มันประกอบด้วยจุดสูงสองจุดที่ใกล้เคียงกัน คล้ายกับตัวอักษร “M” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดพยายามทดสอบจุดสูงสองครั้งแต่ล้มเหลว และมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาลง

ลักษณะของ Double Top:

  • จุดสูงสองจุด: ราคาขึ้นถึงระดับสูงสุดสองครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง โดยไม่สามารถทะลุแนวต้านได้
  • เส้นคอ (Neckline): เป็นระดับราคาต่ำสุดระหว่างจุดสูงทั้งสอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับ เมื่อราคาทะลุเส้นคอ รูปแบบนี้จะยืนยันการกลับตัว
  • ปริมาณการซื้อขาย: โดยปกติจุดสูงแรกจะมีปริมาณการซื้อขายมากกว่าจุดสูงที่สอง ซึ่งบ่งบอกถึงการอ่อนแรงของแรงซื้อ

วิธีการเทรดด้วย Double Top:

  • สัญญาณขาย: เมื่อราคาทะลุเส้นคอพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น นี่คือสัญญาณในการเปิดสถานะขาย
  • การตั้ง Stop Loss: ควรตั้ง Stop Loss ไว้เหนือจุดสูงทั้งสองจุดเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่อาจเป็นขาขึ้นต่อไป
  • เป้าหมายราคา: เป้าหมายราคาคือระยะห่างจากเส้นคอถึงจุดสูงทั้งสอง แล้วขยายลงในทิศทางเดียวกัน

2. รูปแบบ Double Bottom คืออะไร?

Double Bottom เป็นรูปแบบการกลับตัวที่มักจะเกิดขึ้นหลังจากแนวโน้มขาลง มันประกอบด้วยจุดต่ำสองจุดที่ใกล้เคียงกัน คล้ายกับตัวอักษร “W” ซึ่งแสดงให้เห็นว่าตลาดพยายามทดสอบจุดต่ำสองครั้งแต่ล้มเหลว และมีโอกาสที่ราคาจะกลับตัวเป็นขาขึ้น

ลักษณะของ Double Bottom:

  • จุดต่ำสองจุด: ราคาลงถึงระดับต่ำสุดสองครั้งในช่วงเวลาหนึ่ง โดยไม่สามารถทะลุแนวรับได้
  • เส้นคอ: ระดับราคาสูงสุดระหว่างจุดต่ำทั้งสอง ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวต้าน เมื่อราคาทะลุเส้นคอ รูปแบบนี้จะยืนยันการกลับตัว
  • ปริมาณการซื้อขาย: ปริมาณการซื้อขายในจุดต่ำที่สองมักจะลดลง แสดงถึงแรงขายที่อ่อนลง

วิธีการเทรดด้วย Double Bottom:

  • สัญญาณซื้อ: เมื่อราคาทะลุเส้นคอพร้อมกับปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น นี่คือสัญญาณในการเปิดสถานะซื้อ
  • การตั้ง Stop Loss: ควรตั้ง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำทั้งสองจุดเพื่อป้องกันการเคลื่อนไหวที่อาจเป็นขาลงต่อไป
  • เป้าหมายราคา: เป้าหมายราคาคือระยะห่างจากเส้นคอถึงจุดต่ำทั้งสอง แล้วขยายขึ้นในทิศทางเดียวกัน

3. วิธีการระบุ Double Top และ Double Bottom

  • แนวโน้ม: Double Top มักจะเกิดขึ้นในแนวโน้มขาขึ้น ส่วน Double Bottom มักจะเกิดขึ้นในแนวโน้มขาลง
  • จุดสูงและจุดต่ำ: Double Top มีจุดสูงสองจุดที่ใกล้เคียงกัน ในขณะที่ Double Bottom มีจุดต่ำสองจุดที่ใกล้เคียงกัน
  • เส้นคอ: เส้นคอเป็นระดับราคาที่เชื่อมระหว่างจุดสูงหรือต่ำ ซึ่งทำหน้าที่เป็นแนวรับหรือแนวต้าน
  • การยืนยันรูปแบบ: เมื่อราคาทะลุเส้นคอ รูปแบบจะได้รับการยืนยันว่าเป็นสัญญาณของการกลับตัว

4. กลยุทธ์การเทรดด้วย Double Top และ Double Bottom

a. กลยุทธ์การเทรด Double Top:

  • ยืนยันรูปแบบ: รอจนกว่าจุดสูงที่สองจะเกิดขึ้น จากนั้นตรวจสอบว่าราคาจะลงไปถึงเส้นคอหรือไม่ หากราคาทะลุเส้นคอพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น รูปแบบ Double Top จะได้รับการยืนยัน
  • เปิดสถานะขาย: เมื่อราคาทะลุเส้นคอ นักเทรดสามารถเปิดสถานะขายได้
  • การตั้ง Stop Loss: ควรตั้ง Stop Loss ไว้เหนือจุดสูงทั้งสองจุด
  • เป้าหมายราคา: เป้าหมายราคาคือระยะห่างจากเส้นคอถึงจุดสูงทั้งสอง แล้วขยายลงในทิศทางเดียวกัน

b. กลยุทธ์การเทรด Double Bottom:

  • ยืนยันรูปแบบ: รอจนกว่าจุดต่ำที่สองจะเกิดขึ้น จากนั้นตรวจสอบว่าราคาจะทะลุเส้นคอหรือไม่ หากราคาทะลุเส้นคอพร้อมปริมาณการซื้อขายที่เพิ่มขึ้น รูปแบบ Double Bottom จะได้รับการยืนยัน
  • เปิดสถานะซื้อ: เมื่อราคาทะลุเส้นคอ นักเทรดสามารถเปิดสถานะซื้อได้
  • การตั้ง Stop Loss: ควรตั้ง Stop Loss ไว้ใต้จุดต่ำทั้งสองจุด
  • เป้าหมายราคา: เป้าหมายราคาคือระยะห่างจากเส้นคอถึงจุดต่ำทั้งสอง แล้วขยายขึ้นในทิศทางเดียวกัน

5. การจัดการความเสี่ยงในการเทรด

ในการเทรดรูปแบบ Double Top และ Double Bottom การจัดการความเสี่ยงเป็นสิ่งสำคัญ ควรตั้ง Stop Loss ในตำแหน่งที่เหมาะสม โดยปกติจะอยู่ที่จุดสูงหรือต่ำของรูปแบบ เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเคลื่อนไหวที่ไม่คาดคิด นอกจากนี้ยังควรควบคุมขนาดของสถานะการเทรดให้เหมาะสมกับบัญชี และตั้งเป้าหมายกำไรที่ชัดเจน

6. ข้อดีและข้อเสียของรูปแบบ Double Top และ Double Bottom

ข้อดี:

  • รูปแบบชัดเจนและง่ายต่อการระบุ
  • มีจุดเข้าและจุดออกที่ชัดเจน
  • เป็นสัญญาณการกลับตัวที่มีประสิทธิภาพ

ข้อเสีย:

  • อาจเกิดสัญญาณหลอก (False Breakout) ได้
  • รูปแบบต้องใช้เวลาในการก่อตัว

7. วิธีการปรับปรุงกลยุทธ์การเทรดด้วย Double Top และ Double Bottom

เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการเทรดรูปแบบ Double Top และ Double Bottom นักเทรดสามารถใช้ปริมาณการซื้อขายและอินดิเคเตอร์อื่น ๆ เช่น RSI หรือ MACD เพื่อช่วยยืนยันสัญญาณการกลับตัว นอกจากนี้ การใช้หลายกรอบเวลายังช่วยให้นักเทรดสามารถวิเคราะห์แนวโน้มได้ดีขึ้น



ความคิดเห็นของผู้ใช้

ยังไม่มีความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

เปิดบัญชีกับ
โบรกเกอร์ Dupoin

สมัครสมาชิกกับเรา ผ่านโบรกเกอร์ Dupoin

**สิทธิพิเศษมีจำนวนจำกัด สำหรับสมาชิกเท่านั้น!!

เกี่ยวกับเรา

ติดต่อเรา

เรื่องที่น่ารู้

Crescentcollege คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกความเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้

เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือการระดมทุนในทุกรูปแบบ เรามุ่งมั่นเป็นเพียงสื่อกลางในการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์เท่านั้น

**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนการซื้อขาย**

ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ Crescentcollege สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์

ติดต่อทางอีเมล: [email protected]

ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:

blog

© 2024 Crescentcollege. สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต

เรานำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง โดยไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำการลงทุน