การขาดดุลทางการคลัง (Fiscal Deficit) เกิดขึ้นเมื่อรัฐบาลมีการใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้รับจากการเก็บภาษีหรือแหล่งรายได้อื่น ๆ การขาดดุลนี้สามารถมีผลกระทบหลายประการต่อค่าเงินของประเทศนั้น ๆ นี่คือวิธีที่การขาดดุลทางการคลังส่งผลต่อค่าเงิน:
เมื่อรัฐบาลมีการขาดดุลทางการคลัง รัฐบาลอาจต้องกู้ยืมเงินจากแหล่งต่าง ๆ เช่น การออกพันธบัตร หรือขอความช่วยเหลือจากสถาบันการเงินระหว่างประเทศ การกู้ยืมเงินเพิ่มขึ้นอาจทำให้มีหนี้สาธารณะสูงขึ้น ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนสูญเสียความเชื่อมั่นในเสถียรภาพของสกุลเงิน ส่งผลให้ค่าเงินลดลง
ในบางกรณี รัฐบาลอาจจำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อดึงดูดนักลงทุนให้มาซื้อพันธบัตรของตนเพื่อระดมทุนในการขาดดุล อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นสามารถดึงดูดเงินทุนจากต่างประเทศและทำให้สกุลเงินแข็งค่าขึ้น อย่างไรก็ตาม หากหนี้สาธารณะยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ อาจทำให้ค่าเงินอ่อนค่าลงในระยะยาว
การขาดดุลทางการคลังที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ หากรัฐบาลเลือกที่จะจัดหาเงินทุนด้วยการพิมพ์เงินเพิ่มขึ้น ปริมาณเงินที่มากเกินไปในระบบเศรษฐกิจสามารถลดมูลค่าของสกุลเงินลง เนื่องจากอุปทานเงินที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
การขาดดุลที่สูงและต่อเนื่องอาจทำให้นักลงทุนระหว่างประเทศสูญเสียความเชื่อมั่นในความสามารถของรัฐบาลในการชำระหนี้ หากนักลงทุนเห็นว่ารัฐบาลไม่สามารถจัดการหนี้สินของตนได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาอาจถอนการลงทุนออกจากประเทศ ส่งผลให้สกุลเงินอ่อนค่าลง
บางครั้ง การขาดดุลทางการคลังอาจสัมพันธ์กับการขาดดุลการค้า (Trade Deficit) หากประเทศต้องนำเข้าสินค้ามากกว่าส่งออก การขาดดุลการค้าสามารถกดดันให้สกุลเงินอ่อนค่าลง เนื่องจากประเทศต้องใช้เงินตราต่างประเทศมากขึ้นในการชำระค่าสินค้านำเข้า