1. จุดประสงค์ที่แท้จริงของการซื้อขายระยะสั้น

จุดประสงค์ที่แท้จริงของการซื้อขายระยะสั้นไม่ใช่การไม่ต้องการทำเงินจำนวนมาก แต่เพื่อหลีกเลี่ยงการมีส่วนร่วมในการปรับตัวของแนวโน้มที่มีความไม่แน่นอนมากเกินไป "ความไม่แน่นอนในแนวโน้ม" คือความเสี่ยงขนาดใหญ่ที่เราไม่สามารถควบคุมได้ โดยใช้วิธีการซื้อขายระยะสั้น ก็สามารถหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้อย่างมาก ดังนั้น เมื่อพลังในการโจมตีของหุ้นตัวใดตัวหนึ่งหมดลง ไม่ว่าจะปรับตัวลงหรือไม่ ต้องออกจากตลาด -- นี่คือหลักการของการซื้อขายระยะสั้น

2. แนวคิดเกี่ยวกับการซื้อขายซ้ายและขวา

(1) การซื้อขายซ้ายและขวาคืออะไร?

A. เมื่อราคาหุ้นเพิ่มสูงขึ้น โดยมีจุดสูงสุดเป็นเขตแดน การขายออกทางด้านซ้ายก่อนที่ "จุดสูงสุด" จะถูกสร้างขึ้น ถือเป็นการซื้อขายซ้าย ขณะที่การขายลดลงหลังจากที่ "จุดสูงสุด" ถูกดึงกลับมา ถือเป็นการซื้อขายขวา

B. เมื่อราคาหุ้นลดลง โดยมีจุดต่ำสุดเป็นเขตแดน ผู้ที่เข้าไปซื้อในส่วนซ้ายของ "จุดต่ำสุด" ถือเป็นการซื้อขายซ้าย ขณะที่การซื้อที่ราคาหุ้นหันกลับขึ้นหลังการตกต่ำ ถือเป็นการซื้อขายขวา

C. บางครั้งจุดราคาเดียวกันก็มีความแตกต่างระหว่างการซื้อขายซ้ายและขวา

(2) การซื้อขายซ้ายถือเป็นสัญญาณระดับมือใหม่ ขณะที่การซื้อขายขวาคือการพิสูจน์ถึงระดับมืออาชีพ การซื้อขายซ้าย (ขายสูง ซื้อต่ำ) มีส่วนเกี่ยวข้องกับการคาดการณ์ที่เป็นอัตนัยมากมาย ในขณะที่การซื้อขายขวา (ขายลดการ ซื้อเพิ่ม) แสดงถึงความสามารถในการปรับตัวต่อความเป็นจริง

(3) ผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะจะไม่ทำการซื้อขายซ้าย หรือจะไม่ไล่ล่าหวังที่จะ "ขายที่จุดสูงสุด ซื้อที่จุดต่ำสุด"

(4) ความสำคัญของการซื้อขายขวา นอกจากการมีความเข้าใจดังกล่าวแล้ว ยังต้องมีการฝึกฝนด้านลักษณะจิตใจเพื่อให้สามารถทำได้จริง

3. "สี่ใจ" ของการลงทุนในหุ้น

(1) ความอดทนอย่าง ไม่จำกัดในการรอโอกาส; (2) ความพิถีพิถันในการแยกแยะโอกาสที่แท้จริงกับโอกาสปลอมเมื่อโอกาสปรากฏ; (3) ความมุ่งมั่นที่จะทำการลงทุนอย่างเด็ดขาดเมื่อมีโอกาส; (4) ความกล้าที่จะปรับเปลี่ยนเมื่อเกิดความผิดพลาด (เพิ่มการลงทุนหรือหยุดขาดทุน) ความสามารถในการรอคอยเพื่อรอกราฟที่สมบูรณ์แบบและการกระทำอย่างเด็ดขาดเมื่อถึงเวลารับถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่สุดของผู้เชี่ยวชาญด้านการซื้อขายระยะสั้น

4. มาตรการป้องกันเมื่อการซื้อขายระยะสั้นผิดพลาด

1. หากมีการมองผิดในระดับสูง ต้องหยุดขาดทุนอย่างเคร่งครัด ขณะที่การมองผิดในระดับต่ำสามารถเพิ่มการลงทุนได้

2. ในการค้าจริง หากราคาหุ้นอยู่ในระดับสูง และจะมีโอกาสลดลงมาก กำไรจะหายไป ต้องหยุดขาดทุน

3. หากราคาหุ้นยังอยู่ในรอบวงจรของระดับต่ำและช่องทางที่สูงขึ้น ควรเพิ่มการลงทุนที่ระดับรองรับ หากราคาหุ้นกำลังเคลื่อนที่ในช่องทางลดลง โดยไม่มีการรองรับทางเทคนิคที่สำคัญด้านล่าง ต้องห้ามเพิ่มการลงทุน และต้องหยุดขาดทุนอย่างเด็ดขาด

5. สภาวะตลาดสำหรับการซื้อขายระยะสั้น

(1) เงื่อนไขที่แสดงในอันดับการเพิ่มราคาในวันนั้น: (1) หากในอันดับแรกมีหุ้นมากกว่า 5 ตัวที่ถูกล็อคการเพิ่ม ราคา ตลาดอยู่ในความแข็งแรงที่สุด ในขณะที่สภาวะทั่วไปดี การซื้อขายระยะสั้นสามารถเลือกเป้าหมายและกระทำได้อย่างมั่นคง

(2) หากในอันดับแรกหุ้นทั้งหมดมีราคาเพิ่มมากกว่า 4% ตลาดอยู่ในความแข็งแรง ปัจจัยพื้นฐานทั่วไปสมเหตุต้องระวัง การซื้อขายระยะสั้นสามารถเลือกหุ้นที่แข็งแกร่งเข้าสู่ตลาดได้

(3) หากในอันดับแรกไม่มีหุ้นถูกล็อค และหุ้นที่มีราคาเพิ่มมากกว่า 5% มีน้อยกว่า 3 ตัว ตลาดอยู่ในความอ่อนแอ ปัจจัยพื้นฐานไม่ได้สร้างเงื่อนไขให้หุ้นแสดงผล การซื้อขายระยะสั้นต้องพิจารณาจากตัวประกอบเป้าหมายอย่างระมัดระวัง

(4) หากในอันดับแรกหุ้นทั้งหมดมีราคาเพิ่มน้อยกว่า 3% ตลาดอยู่ในอ่อนแอที่สุด ปัจจัยพื้นฐานไม่เป็นไปด้วยดี การซื้อขายระยะสั้นไม่ควรดำเนินการ

6. เงื่อนไขทั่วไปของเทคนิคการซื้อขายระยะสั้น

หลักการทั่วไป: หุ้นเป้าหมายควรมีค่าเฉลี่ย 3 วันที่มีปริมาณเพิ่มขึ้น

1. ค่าเฉลี่ย 3 วันอยู่สูงขึ้น

2. ราคาหุ้นเพิ่มมากกว่า 3%

3. ปริมาณการซื้อขายขยายมากกว่า 1 เท่า

4. ราคาหุ้นเคลื่อนที่อยู่ในระดับต่ำของกราฟรายวันและรายสัปดาห์

5. ปริมาณการซื้อขายมากกว่า 1.5 เท่าของค่าเฉลี่ย 5 วัน

6. การซื้อขายจริงสามารถทำการซื้อ 1/3 ของโควต้าในวันที่มีปริมาณการซื้อขายสูง

7. หากราคาหุ้นสูงและลดลง สามารถทำการขายเพื่อนำกำไรออกมา หรือสามารถเพิ่มการลงทุนได้หลังจากราคาลดลง 2 วัน

7. การค้นหาหุ้นเป้าหมาย

1. ขั้นตอนแรก: ค้นหาจากอันดับการเพิ่มราคา: (1) เมื่อดัชนีหลักเพิ่ม และหุ้นเป้าหมายมีการเพิ่มราคามากกว่า 3% (2) หรือเมื่อดัชนีหลักปรับตัวและหุ้นเป้าหมายมีความแข็งแกร่งกว่าดัชนีหลัก

2. ขั้นตอนที่สอง: ในอันดับปริมาณการซื้อขาย ค้นหาหุ้นที่มีระยะปริมาณเพิ่มมากกว่า 1 เท่า ต้องให้ความสนใจมากขึ้น

3. ขั้นตอนที่สาม: ยืนยันว่าขั้นตอนที่หนึ่งและสองตรงตามเงื่อนไข

4. ขั้นตอนที่สี่: เปิดกราฟ K-line รายวันของหุ้นเป้าหมายเพื่อตรวจสอบ: หุ้นเป้าหมาย: (1) ค่าเฉลี่ย 3 วันก็ควรมีปริมาณเพิ่มขึ้น (2) ช่วงเวลาก่อนหน้านี้มีชุด K-line หยุดตก (3) ในวันนี้หุ้นดังกล่าวมีการปล่อยปริมาณเป็นครั้งแรกในช่วงเวลาที่ผ่านมา

5. หากเงื่อนไขข้างต้นเป็นไปตามเกณฑ์ เปิดกราฟ K-line รายสัปดาห์: KDJ ของหุ้นเป้าหมายควรเพิ่งผ่านการสร้าง K-cross ที่ระดับต่ำหรือเคลื่อนที่ในพื้นที่ทางขึ้น

6. หากตรงตามเงื่อนไข จะยืนยันว่าหุ้นนั้นเตรียมพร้อมสำหรับการโจมตีระยะสั้น โอกาสในการทำกำลังมาถึง

7. หากมีการทำผิดในการตัดสิน หุ้นเป้าหมายที่ค่าเฉลี่ย 3 วันปรากฏเป็นระดับราบและสูญเสียความสามารถในการประจวบก็บต้องถอนตัวออก