เรื่องราวของภูเขาแห่งความมั่งคั่ง

ใต้ภูเขาแห่งความมั่งคั่งมีหมู่บ้านเล็กๆ หมู่บ้านนี้มีเยาวชนห้าร้อยคนเดินขึ้นภูเขาทุกสิบปีเพื่อค้นหาสมบัติ เพราะมีตำนานว่าที่ยอดเขามีทองคำมากมายถึงขนาดมีทองคำหน้าหมาอยู่ด้วย แต่มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถกลับมาได้อย่างปลอดภัย

คำแนะนำจากคนแก่

ชายชราคนหนึ่งเคยขึ้นไปที่ยอดเขาในวัยหนุ่ม มีเยาวชนคนหนึ่งชื่อว่า อาเต๋อ ที่ขี้ขลาดมากจึงไปถามชายชราว่าเขาจะสามารถนำทองกลับมาได้อย่างไร ชายชราเตือนเขาว่า “ที่ยอดเขามีทองจริง แต่จะต้องผ่านจระเข้ที่อยู่ในน้ำที่เท้าภูเขา เสือดำที่จะออกมากินหัวคนในช่วงกลางคืน และยังมีมังกรไฟที่อยู่ที่ยอดเขาด้วย หากคุณสามารถไปถึงยอดเขาคุณจะสามารถลงจากด้านตรงข้ามได้ โดยไม่มีทอง แต่ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับโชคชะตาของคุณ แต่ชายชรามอบกระดาษสามใบให้กับอาเต๋อ เพื่อให้เขาใช้ในยามที่ประสบอันตราย”

การเริ่มต้นการเดินทาง

วันถัดมาอาเต๋อได้ร่วมเดินทางกับผู้คนอีกห้าร้อยคน เมื่อถึงตีนเขาพบจระเข้มากมายในน้ำ กลุ่มเยาวชนที่กล้าหาญหลายคนได้กระโดดลงไปในน้ำเพื่อว่ายข้ามไปฝั่งตรงข้าม แต่ทว่าจระเข้มีความดุร้ายและหิวโหย เมื่อกลุ่มเยาวชนหลายคนถูกจระเข้กลืนกินไป อาเต๋อรู้สึกหวาดกลัวจึงเปิดอ่านกระดาษใบแรกที่เขาได้รับ ภายในข้อความระบุว่า “รอให้คนอื่นกระโดดไปก่อน จระเข้จะอิ่มแล้วจึงจะไม่กินคุณ จากนั้นคุณค่อยๆ ข้ามไป”

การเผชิญหน้ากับเสือดำ

หลังจากนั้นอาเต๋อและกลุ่มคนที่รอดชีวิตอีกสองร้อยคนก็สามารถข้ามไปได้ เมื่อมาถึงกลางเขาพบเหรียญทองตกอยู่บนพื้นหลายเหรียญ ทุกคนรู้สึกดีใจต่างเก็บเหรียญไปพร้อมเดินหน้าต่อไป ผ่านไปไม่กี่วันทุกคนมาถึงครึ่งทาง ทุกคนรู้สึกตื่นเต้นแต่ก็เหนื่อยล้า เมื่อถึงเวลากลางคืน ทุกคนหลับกันอย่างรวดเร็ว แต่แล้วก็มีเสียงกรีดร้องจากในป่า เสือดำกระโดดออกมาสูบหนุ่มสาวที่กำลังหลับไปบางคน และในเมื่อไม่มีใครทันตระหนัก กลุ่มคนเหล่านั้นถูกเสือดำพาตัวกลับไปกิน ทำให้ทุกคนตกใจมาก แต่เพราะหวังว่าจะได้เก็บเหรียญทองมากขึ้นจึงไม่มีใครยอมกลับลงไป

การรอดชีวิตจากเสือดำ

แต่ทุกคนก็รู้สึกเหนื่อยมาก หากไม่หลับก็จะเดินไม่ไหว แต่หากนอนก็อาจจะถูกเสือดำฆ่าได้ ในช่วงเวลาที่ทุกคนไม่รู้จะทำอย่างไร อาเต๋อจึงเปิดอ่านกระดาษใบที่สอง ข้อความบอกว่า “เมื่อคนส่วนใหญ่ตื่นอยู่ คุณให้เก็บเงินได้อย่างสบายใจ แต่เมื่อคนส่วนใหญ่หลับอยู่ คุณควรตื่นตัวให้พร้อม” ด้วยเหตุนี้ทุกคืนจะมีผู้คนถูกเสือดำกินไปแต่ อาเต๋อก็ยังอยู่รอดต่อไป เก็บเหรียญทองที่เพื่อนร่วมทางคนอื่นจะทิ้งไว้และเดินหน้าต่อไป

การเผชิญหน้ากับมังกรไฟ

สุดท้าย พวกเขาก็มาถึงยอดเขา ที่นั่นไม่มีทองคำอยู่เลย โดยอยู่ๆ มีมังกรไฟสีแดงกระโดดออกจากหินขนาดใหญ่ที่ยอดเขาและพ่นไฟใส่พวกเขาที่กำลังค้นหาทองอยู่ ทุกคนวิ่งหนีไปหลายคนถูกไฟไหม้ในขณะที่ยังหาทองอยู่ บางคนพยายามใช้ไม้ตีมังกร แต่บรรดาคนเหล่านั้นล้วนถูกปิ้งตาย พร้อมกับเหลือเหรียญทองตกอยู่บนพื้น ในช่วงเวลานั้น อาเต๋อจึงรีบเปิดอ่านกระดาษใบที่สาม ข้อความภายในบอกว่า “อย่าคิดอะไร รีบวิ่งหนีเอาชีวิตรอด” อาเต๋อทิ้งกระดาษแล้วหันหลังวิ่งลงเขา โดยไม่สนใจเหรียญทองข้างทาง เขาวิ่งออกมาไกล จึงหันหลังมามองเห็นเพื่อนร่วมทางเพียงไม่กี่คนที่วิ่งตามมา พร้อมบางคนยังบาดเจ็บ

การกลับบ้าน

ในที่สุดอาเต๋อก็ได้กลับบ้านพร้อมกระสอบทองคำหนึ่งถุง เขาได้ไปพบชายชราที่ให้ความช่วยเหลือและขอบคุณสำหรับกระดาษคำแนะนำ และยื่นทองคำให้ชายชราเป็นครึ่งหนึ่ง แต่ชายชรากลับยืนยันที่จะไม่รับและกล่าวว่า “ทองคำเหล่านี้เป็นของคุณ” อาเต๋อจึงกล่าวว่า “ไม่ มีเพียงทองน้อยที่เป็นของผม ทองคำส่วนใหญ่คือเหรียญที่เพื่อนตายทิ้งไว้” ชายชรานิ่งไปสักพัก ก่อนจะกล่าวแก่เขาว่า “บอกเลยว่า ดินแดนที่ตีนภูเขาแห่งความมั่งคั่งมีทองอยู่ แต่ที่ยอดเขายังคงมีแต่ปีศาจมังกร ไม่มีทอง มังกรจะเก็บทองที่ตกอยู่จากผู้ที่ตายในแต่ละครั้ง และนำมาทิ้งที่ตีนเขาและหุบเขาเพื่อดึงดูดเยาวชนใหม่ๆ ให้เดินทางขึ้นไปเพื่อให้มันได้กิน”

บทเรียนที่ได้เรียนรู้

1. จระเข้, เสือดำ, และมังกรไฟที่กล่าวถึง เป็นเหมือน “หุ้นใหญ่” และสถาบันต่างๆ ที่อยู่ที่ตีนภูเขา หากคุณยังไม่สามารถรวบรวมเงินทุนได้ อย่าคิดจะขึ้นไปที่ยอดภูเขา ช่วงกลางเขาก็เป็นเพียงการทำให้หุ้นที่มีผลกำไรถูกชาร์ตออกไปโดยไม่กระทบการจัดระเบียบของหุ้นหลังจากนั้น ผู้ที่เหลือรอดขึ้นไปที่ยอดภูเขาได้จริงๆ ก็ไม่ง่ายที่จะสามารถรักษาผลกำไรได้

2. หากไม่มีความสามารถในการควบคุมความเสี่ยงและเข้าตลาดการเงินโดยไม่คิดหน้าคิดหลัง ก็อาจจะตกอยู่ในเส้นทางที่ไม่ปลอดภัยได้ ผู้ที่ดื้อรั้นจะถูกปิ้งอยู่ที่ตีนเขา ผู้ที่เพียงแต่ตามคนอื่นไร้การคิดในทางตรงข้ามจะถูกร่วงตกจากกลางเขา และผู้ที่โลภมากและบ้าคลั่งจะถึงแก่ชีวิตที่ยอดเขา

3. ทองคำส่วนใหญ่ได้มาจากเพื่อนที่ตายไป ซึ่งหมายถึงผลจากการซื้อขายในตลาดไม่ได้มาจากผลตอบแทนของบริษัทที่จดทะเบียน แต่ได้มาจากการที่ผู้มีส่วนร่วมคนอื่นสูญเสียเงินลงทุนจากการเปลี่ยนแปลงราคา นั้นจึงเป็นกำไรที่เต็มไปด้วยเลือด ดังนั้นการซื้อขายอย่างชาญฉลาด การคิดในทางตรงข้ามนั้นช่างสำคัญ

4. กระดาษใบแรกหมายถึงการรอคอยที่มีความปลอดภัย กระดาษใบที่สองหมายถึงการรักษาระยะห่างจากฝูงชน และการคิดในทางตรงข้าม กระดาษใบที่สามหมายถึงในช่วงฟองสบู่ ควรทำการจ่ายผลกำไรออกมา ลดการลงทุนเพื่อรักษาผลสำเร็จเอาไว้ ในเมื่อเสี่ยงเกิดขึ้นควรละทิ้งความโลภและการมีชีวิตอยู่คือสิ่งสำคัญที่สุด

บทส่งท้าย

การลงทุนเวลาและพลังงานในการเรียนรู้วิธีการเทรด จะเป็นทักษะที่มีประโยชน์ตลอดชีวิต เมื่อคุณมีรูปแบบการดำเนินการที่เหมาะสมกับตนเอง คุณจะพบว่าคุณมีบ่อที่สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดมา นั่นจะเป็นความสุขอันยิ่งใหญ่ในชีวิต