การลงทุนในตลาดโลหะมีค่าที่มีความซับซ้อน

นักลงทุนที่มีประสบการณ์บางคนรู้ดีว่าตลาดโลหะมีค่าคือธุรกิจที่ยากในการทำกำไร เพราะนักลงทุนที่สามารถทำกำไรได้อย่างมั่นคงในตลาดนี้มีน้อยมาก อัตราความสำเร็จต่ำกว่า 10% นักลงทุนที่ไม่มีประสบการณ์ส่วนใหญ่ร้อยละ 80 จะถูกคัดออกในระยะเวลาตั้งแต่ 3 เดือนถึง 1 ปี นี่เป็นข้อเท็จจริงที่นักลงทุนทุกคนควรตระหนัก ถึงกระนั้น เหตุผลหลักที่ทำให้เกิดสถานการณ์เช่นนี้เกิดจากลักษณะของตลาดโลหะมีค่า และไม่สามารถขจัดความสูญเสียนี้ได้ ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่จุดสำคัญที่เราควรกังวล สิ่งที่เราต้องห่วงคือมีพฤติกรรมอะไรบ้างที่ชักนำให้นักลงทุนล้มเหลว? ข้าพเจ้าสรุปได้ว่ามีสาเหตุหลักดังนี้:

การเข้าสู่ตลาดโดยไม่มีความรู้เพียงพอ

1. การเข้าไปในตลาดโดยมีความรู้เกี่ยวกับตลาดน้อยมาก ถือเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ล้มเหลว สามารถพูดได้ว่าร้อยละ 99 ของผู้ซื้อขายทองนั้นเข้าไปในสภาวะนี้ นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เกิดการขาดทุน อุตสาหกรรมนี้ก็เช่นเดียวกับอุตสาหกรรมอื่นๆ หากไม่เรียนรู้ระบบ ไม่ใช้เวลาสักระยะหนึ่งก็จะไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ ตราบใดที่ผมเข้าไปในตลาด ผมรู้สึกงงงวยจริงๆ ไม่รู้จักว่าโลหะมีค่าคืออะไร ไม่รู้ว่าจะเปิดตำแหน่ง (Order) ได้อย่างไร ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการปิดตำแหน่ง ผมมักจะถามโบรกเกอร์ เพราะในขณะนั้นเขาคืออาจารย์ของผม คิดว่าฟังเขาจะแน่ แต่ผลลัพธ์กลับไม่ดีนัก โชคดีที่ผมมีความคิดในการหยุดขาดทุนที่แข็งแรง หลังจากที่ทำการซื้อขายไประยะหนึ่งและสูญเสียถึง 20% ผมรู้สึกว่าอย่างนี้ไม่สามารถไปต่อได้จึงหยุดทำการซื้อขาย และเข้าสู่ระยะการศึกษาสองเดือน แนวทางที่ถูกต้องคือ ก่อนเข้าสู่ตลาด ควรดำเนินการศึกษาทฤษฎีอย่างน้อย 3 ถึง 6 เดือน ถ้าคุณทำเช่นนี้ อัตราความล้มเหลวของคุณจะลดลงอย่างมาก.

ไม่มีอาจารย์ที่ดี

2. การที่ไม่มีอาจารย์ที่ดีเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เราล้มเหลว ส่องไปที่อุตสาหกรรมต่างๆ ไม่มีอุตสาหกรรมใดที่ไม่ต้องการอาจารย์ “อาจารย์” คือผู้ที่สามารถถ่ายทอดความรู้ ชี้แนะ และช่วยไขข้อสงสัยได้ ด้วยเพราะมีอาจารย์ เราสามารถหลีกเลี่ยงเส้นทางที่ยากลำบากได้ เมื่อเราพบอุปสรรค อาจารย์สามารถให้คำแนะนำที่ทันเวลา ขอสัญญาว่า 80% ของนักลงทุนชั้นนำที่กล่าวถึงในหนังสือ “ปัญญาการเก็งกำไร” จะประสบความสำเร็จหลังจากพบอาจารย์ที่ดี ดังนั้นจึงพิสูจน์ได้ว่าการมีอาจารย์เป็นสิ่งที่จำเป็น แนวทางที่ถูกต้องคือ: เมื่อเข้าสู่ตลาด ควรมีอาจารย์ที่ดีคอยสอน และหากมีปัญหาใด ๆ ควรที่จะแสวงหาความช่วยเหลือจากเขา เขาจะสามารถชี้ให้เห็นข้อผิดพลาดที่คุณอาจไม่ทันสังเกตเห็น.

การซื้อขายที่มากเกินไป

3. การซื้อขายที่มากเกินไปหรือการทำการซื้อขายบ่อยเกินไป เป็นอีกหนึ่งสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดการขาดทุน การซื้อขายที่มากเกินไปแสดงให้เห็นถึงการเปิดตำแหน่งที่มีขนาดใหญ่ วิธีการนี้อาจจะได้ผลในตลาดหุ้น แต่ถ้าใช้ในตลาดโลหะมีค่าอาจจะเป็นอันตรายอย่างมาก ผมเคยพบเพื่อนคนหนึ่งที่สามารถเพิ่มเงินทุนได้ถึง 7 เท่าในเวลาไม่ถึงสองเดือน แต่ในเดือนเดียวกันนั้น เงินที่ได้กำไรก็ได้คืนกลับไปให้กับตลาดทั้งหมด และเงินต้นก็สูญเสียไปเกินครึ่ง การซื้อขายบ่อยเกินไปเป็นแนวทางที่นักลงทุนส่วนใหญ่ใช้ ซึ่งทำให้พวกเขาล้มเหลวบ่อยๆ การซื้อขายที่บ่อยนอกจากจะทำให้เราต้องจ่ายค่าธรรมเนียมการซื้อขายสูงแล้ว ยังนำไปสู่ความเครียดทางจิตใจอีกด้วย อาจทำให้การลงทุนเสียได้ง่าย ควรระมัดระวังวิธีการซื้อขายที่ถูกต้อง: 1. ในการตั้งขนาดตำแหน่งควรลดลงให้มากที่สุด ควรอยู่ต่ำกว่าระดับที่คนส่วนใหญ่ใช้จริงๆ เป็นที่พิสูจน์แล้วว่าคนที่สามารถอยู่รอดในตลาดโลหะมีค่าเป็นเวลานานและสามารถทำกำไรได้อย่างเสถียร มักจะเปิดตำแหน่งที่มีขนาดเล็ก 2. ควรลดจำนวนครั้งในการเดิมพันให้มากที่สุด หากเราต้องการลดจำนวนการเปิดการซื้อขาย ควรเน้นให้อยู่ในกรอบการซื้อขายระยะกลางซึ่งจะดีที่สุด มิฉะนั้นไม่ควรทำการซื้อขายวันต่อวันโดยเด็ดขาด ต้องจดจำสิ่งนี้ไว้ แต่ นักลงทุนส่วนใหญ่นิยมเปิดการซื้อขายวันต่อวันโดยไม่ค่อยมีการถือครองออเดอร์ระยะกลาง

การไม่ตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน

4. การไม่ตั้งคำสั่งหยุดขาดทุนเพื่อจำกัดการสูญเสีย หรือแม้จะตั้งคำสั่งหยุดขาดทุน แต่ไม่ได้ปฏิบัติตามอย่างเข้มงวด ทำให้มันไม่มีประสิทธิภาพ ในตลาดถั่วเหลือง (ข้อมูล ข่าวสาร) ที่มีการขึ้นราคามากเมื่อปีที่แล้ว ผมได้พบกับนักลงทุนคนหนึ่งที่ลงทุนด้วยเงินกว่า 2 แสนบาท เขาทำการขายถั่วเหลือง แต่ไม่ทราบว่าจะต้องตั้งหยุดการขาดทุนทำให้ขาดทุนเกือบ 600 บาทต่อตัน สองเดือนหลังจากนั้น เงินที่เขามีเหลืออยู่เพียง 3 หมื่นกว่าบาท ซึ่งเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนให้กับนักลงทุนทุกคน ผมจึงคิดว่าห้ามปล่อยให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้อีก มีอีกกรณีหนึ่งคือนักลงทุนได้ตั้งจุดหยุดขาดทุน แต่เมื่อถึงจุดนั้นเขากลับเลื่อนจุดออกไปทีละนิด จนกระทั่งเสียหายหนักก็ไม่สามารถกลับมาที่เดิม ซึ่งนี่คืออีกหนึ่งเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดการขาดทุนอย่างหนัก วิธีการที่ถูกต้องคือ: หยุดขาดทุนอย่างจริงจังและหลีกเลี่ยงการขาดทุนจนถึงขั้นทำให้ถูกคัดออกจากตลาด

ไม่กล้าที่จะทำกำไร

5. ไม่กล้าที่จะทำกำไร ที่สามารถขยายความสำเร็จได้ซึ่งเท่านั้นจะสามารถเติมเต็มการขาดทุนที่เกิดขึ้นมาก่อน มีนักลงทุนหลายคนที่ทำให้กำไรแล้วกลับปิดการซื้อขายเร็วจนน่าเสียดาย พอถึงจุดเริ่มต้นของการขึ้นราคาถั่วเหลืองในปีที่แล้ว นักลงทุนหลายคนสร้างตำแหน่งซื้อแล้ว แต่กลับปิดตำแหน่งอย่างไร้สติทำให้พลาดโอกาสที่จะสร้างกำไรจำนวนมาก แนวทางการทำงานที่ถูกต้องคือ: เมื่อรู้ว่าควรถือหรือลงทุนต้องกล้าทำ แต่ในเมื่อไม่ควรก็ไม่ควรไปเสี่ยง ปัญหาหลักอยู่ที่ว่าเมื่อใดควรทำอย่างไรจะรู้ได้อย่างไร วิธีการแก้ปัญหานี้คือการมีหลักฐานในการปิดออเดอร์ของตัวเอง หากมีข้อมูลที่ระบุไว้จะช่วยให้สามารถจัดการสถานการณ์นี้ได้ดีขึ้น บางคนบอกว่าควรจะไม่โลภ แต่ผมขอถาม: หากไม่มีการทำกำไรมากมายครั้งหนึ่งจะมาทดแทนการขาดทุนเล็กน้อยที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ได้อย่างไร