การซื้อขายฝั่งตรงข้าม

ในการซื้อขาย “การดำเนินการฝั่งตรงข้าม” หมายถึง การเปิดสถานะที่ตรงข้ามกับอารมณ์หรือแนวโน้มตลาดในขณะนั้น กล่าวได้ง่าย ๆ ว่า คือ การซื้อขายฝั่งตรงข้าม กลยุทธ์การซื้อขายนี้มักถูกใช้เมื่อราคาตลาดมาถึงระดับหนึ่ง และแนวโน้มจะเกิดการกลับตัวขึ้น

ความเหนือความคาดหมายของนักเทรดมือใหม่

สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ยังไม่มีการฝึกอบรม กลยุทธ์การซื้อขายฝั่งตรงข้ามอาจฟังดูลึกลับ เนื่องจากโดยทั่วไปเราเชื่อว่าการซื้อขายควรทำตามแนวโน้ม แต่ตัวอย่างจากนักเทรดที่มีชื่อเสียงอย่างเจสซี ลีเวอเรอร์ (Jesse Livermore) บอกเราว่าการซื้อขายฝั่งตรงข้าม หากใช้ถูกวิธีแล้ว จะเป็นกลยุทธ์การซื้อขายที่มีประสิทธิภาพและสามารถทำกำไรได้มากที่สุด

วินัยและการวิเคราะห์ตลาด

การใช้กลยุทธ์การซื้อขายฝั่งตรงข้ามต้องการให้นักเทรดมีวินัยที่สูงและพื้นฐานการวิเคราะห์ตลาดที่มั่นคง นอกจากนี้นักเทรดยังต้องจัดสรรเงินทุนส่วนหนึ่งเพื่อป้องกันการกลับตัวของตลาดที่ไม่ได้เกิดขึ้นในทันที ในหลาย ๆ กรณี คำสั่งซื้อขายฝั่งตรงข้ามมักไม่ทำกำไรในทันที ตลาดไม่แสดงสัญญาณการทำกำไรในทันที

นักเทรดส่วนใหญ่และกลยุทธ์

นักเทรดส่วนใหญ่จะสนับสนุนการซื้อขายตามแนวโน้ม พวกเขาจึงมองหาและคว้าแนวโน้มของตลาด การเปิดสถานะในทิศทางเดียวกับแนวโน้มตลาดในขณะนั้น แต่จะมีบางคนเลือกการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

ทฤษฎีการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

ทฤษฎีการซื้อขายฝั่งตรงข้ามส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับการติดตามอารมณ์ของตลาดและตัวชี้วัดที่สำคัญอื่น ๆ เพื่อที่จะกำหนดทิศทางการซื้อขาย ทฤษฎีนี้เสนอว่าควรเปิดสถานะในทิศทางตรงข้ามกับนักลงทุนส่วนใหญ่ในตลาด

ราคามักจะกลับตัว

การเพิ่มขึ้นหรือลดลงต้องมีวันหมดอายุ แนวโน้มจะมีการกลับตัว แต่ก่อนที่จะมีการกลับตัวของแนวโน้ม ผู้คนมักยึดมั่นเชื่อว่าแนวโน้มจะยืดเยื้อ ไม่มีใครสามารถคาดการณ์จุดสูงสุดและจุดต่ำสุดของตลาดได้ ส่วนใหญ่ของผู้คนมักจะเลือกที่จะตามกระแสมากกว่าที่จะเสี่ยงทำการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

ความจำเป็นในการตั้งหยุดขาดทุน

การซื้อขายฝั่งตรงข้ามไม่เพียงแต่ต้องการความกล้าหาญพิเศษและการวิเคราะห์ที่เข้มงวด แต่ยังต้องระมัดระวังเรื่องความเสี่ยงอีกด้วย นักเทรดฝั่งตรงข้ามมักจะตั้งค่าหยุดขาดทุนเพื่อควบคุมความสูญเสีย หากแนวโน้มไม่กลับตัว แต่ยังคงดำเนินต่อไป นักเทรดก็จะไม่ขาดทุนหนัก

หลักการพื้นฐานของการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

หลักการพื้นฐานของการซื้อขายฝั่งตรงข้ามคือ: เมื่ออยู่ในสภาวะตลาดที่มีการมองโลกในแง่ดีอย่างมาก ราคามักจะถึงจุดสูงสุด เมื่ออยู่ในสภาวะตลาดที่มีการมองโลกในแง่ร้าย ราคามักจะถึงจุดต่ำสุด โดยการพิจารณาจากอารมณ์ของนักลงทุนในตลาด

ปัญหาของนักลงทุนรายย่อย

นักลงทุนรายย่อยในตลาดส่วนใหญ่ขาดทุน สาเหตุมาจากการที่พวกเขาซื้อเมื่อราคามีแนวโน้มใกล้ถึงจุดสูงสุด และขายเมื่อราคามีแนวโน้มใกล้ถึงจุดต่ำสุด ความคิด “การซื้อขายตามแนวโน้ม” ที่ฝังลึกอยู่ในนักลงทุนรายย่อยเป็นสาเหตุหนึ่งของปัญหานี้

ความสำคัญของจิตวิทยาในตลาด

จิตวิทยาของกลุ่มมีผลโดยตรงต่อพฤติกรรมของกลุ่ม ซึ่งพฤติกรรมของกลุ่มจะกำหนดแนวโน้มของตลาด ไม่ว่าจะเป็นสินทรัพย์การลงทุนประเภทใด เช่น หุ้น, ตราสารหนี้, กองทุน, ฟอเร็กซ์ ฯลฯ ราคาของสินค้าในตลาดจะได้รับผลกระทบจากพฤติกรรมของกลุ่ม

การใช้การวิเคราะห์ทางเทคนิค

การซื้อขายฝั่งตรงข้ามต้องใช้การวิเคราะห์เชิงพื้นฐานและเทคนิค เพื่อรวมกันในการตัดสินใจว่าตลาดจะเกิดการกลับตัวหรือไม่

การวิเคราะห์ข้อมูลทางเศรษฐกิจ

ข้อมูลทางเศรษฐกิจในพื้นฐาน ตัวชี้วัดนโยบายของธนาคารกลางต้องได้รับการพิจารณา ข้อมูลเหล่านี้จะสะท้อนว่าราคาในตลาดถูกประเมินสูงหรือประเมินต่ำเกินไปหรือไม่

การวิเคราะห์กราฟเพื่อพบจุดกลับตัว

นอกจากการวิเคราะห์พื้นฐานแล้ว การซื้อขายฝั่งตรงข้ามยังต้องผนวกการวิเคราะห์ทางเทคนิค เช่น การใช้ตัวชี้วัด RSI, Oscillators หรือการวิเคราะห์กราฟราคาเพื่อตรวจสอบว่าตลาดถึงจุดสูงสุดหรือต่ำสุดแล้วหรือไม่

ตัวอย่างการวิเคราะห์หุ้น

ในการซื้อขายหุ้น นักลงทุนฝั่งตรงข้ามจำเป็นต้องวิเคราะห์ตลาดอย่างลึกซึ้ง เมื่อเห็นนักลงทุนรายย่อยกำลังตื่นตัวในการซื้อหรือขาย นักเทรดต้องตรวจสอบข่าวสารและข้อมูลทางการเงินเพื่อประเมินว่าหุ้นมีมูลค่าเกินจริงหรือไม่

แนวคิดการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

นอกจากนี้ การซื้อขายฝั่งตรงข้ามเกิดจากการทำให้เข้าใจถึงการดำเนินงานเป็นช่วง ๆ ของตลาด นักเทรดฝั่งตรงข้ามจึงสามารถจับจังหวะการเข้าตลาดก่อนที่ตลาดจะกลับตัวได้

การวางแผนในการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

การใช้งานกลยุทธ์ใด ๆ ต้องมีแผนการซื้อขาย การวางแผนในการซื้อขายฝั่งตรงข้ามต้องมีความเข้มงวด ตลอดจนดูที่ตัวชี้วัด ข้อมูลต่าง ๆ ว่าจะเปิดสถานะในสถานการณ์ใด ควบคุมการหยุดขาดทุนและกำไรจะเป็นเท่าไหร่

ความสำคัญของการตั้งค่าหยุดขาดทุน

จุดที่สำคัญที่สุดของการวางแผนการซื้อขายฝั่งตรงข้ามคือปัญหาเรื่องการตั้งค่าหยุดขาดทุน หากไม่ตั้งให้ดี เมื่อแนวโน้มดำเนินไปข้างหน้า การขาดทุนจะขยายมากขึ้น อาจนำไปสู่การขาดทุนทั้งหมด

ความกล้าหาญในการซื้อขายฝั่งตรงข้าม

สุดท้าย การซื้อขายฝั่งตรงข้ามต้องใช้ความกล้าหาญและความมุ่งมั่น ในระดับการตัดสินใจวิเคราะห์ที่สูง นักเทรดทั่วไปมักจะไม่กล้าทำการซื้อขายฝั่งตรงข้าม สาเหตุหนึ่งมาจากสองด้านนี้