การเริ่มต้นด้วยกลยุทธ์

นักลงทุนที่ต้องการมีความสามารถในการทำกำไรอย่างต่อเนื่องในตลาดการเงิน ควรที่จะเรียนรู้ประสบการณ์ที่นักเทรดมืออาชีพได้สรุปออกมาอย่างมีประสิทธิภาพ และควรแสวงหาประสบการณ์จากการปฏิบัติจริงอยู่เสมอ ในที่นี้จะมาอธิบายแนวคิดและวิธีการที่ใช้งานง่ายอย่างละเอียด

การทำแผนอย่างแน่นอน

ความผันผวนในตลาดการเงินเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จุดเข้าทำที่ดีมักจะหายไปอย่างรวดเร็ว การทำการซื้อขายต้องมีการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบซึ่งต้องใช้เวลา หากคุณไม่มีการวางแผน แต่กลับมีแนวคิดว่า "ค่อยว่ากันทีหลัง" คุณอาจจะพลาดจุดที่ดีที่สุดเพราะใช้เวลาคิดนานเกินไป หรือหากตัดสินใจอย่างรีบร้อนอาจนำไปสู่การขาดทุน ดังนั้นการวางแผนจึงเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย

รายละเอียดของแผน

การวางแผนประกอบด้วยข้อมูลหลายประการ ได้แก่:

1. การวิเคราะห์ราคาประวัติและราคาล่าสุด ต้องเข้าใจว่าราคาคือผลสรุปในใจของตลาด

2. วันไหนมีข้อมูลสำคัญที่ต้องติดตาม เช่น ข้อมูลเศรษฐกิจจากสหรัฐอเมริกาที่อาจทำให้ดัชนีค่าเงินเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง

3. ใช้การวิเคราะห์จากสองข้อแรกเพื่อหาข้อกำหนดในการซื้อขาย แทงว่าถ้าลดราคาจะทำอย่างไร ถ้าขึ้นราคาจะทำอย่างไร และจุดเข้าที่ประมาณอยู่ที่ไหน

4. หากทำกำไรเป้าหมายในที่สุดจะอยู่ที่ไหน

5. หากขาดทุนจะทำการปิดสถานะหรือย่อขนาดการลงทุนที่ไหน

ทั้งนี้ หากกำหนดแผนแล้วหากไม่มีสัญญาณที่ชัดเจนว่านั่นเป็นความผิดพลาด ก็ควรยืนกราน เพราะนักเทรดหลายคนมักจะสงสัยในตนเองมากเกินไป ทำให้ไม่เข้าซื้อขายในจังหวะที่ควร หรือแม้แต่เมื่อลงทุนแล้วก็ไม่สามารถทำตามเป้าหมายได้

การซื้อขายที่ดีควรช้ากว่าที่จะเร็ว

หลายคนกลัวที่จะพลาดโอกาสในตลาดมักจึงรีบเข้าทำการซื้อขายเมื่อมีสัญญาณบางอย่าง แต่การทำการซื้อขายต้องมีการตรวจสอบ ความเสี่ยงในตลาดการเงินมีความเข้มข้นสูง หากมีแค่สัญญาณเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ต้องใจเย็นรอสักครู่ ในโลกการเทรดมีคำกล่าวที่มีชื่อเสียงว่า โอกาสมักเคาะประตูสองครั้ง

การคิดให้ลึกซึ้งขึ้น

การซื้อขายเป็นเกมที่ไม่มีศูนย์ โดยพื้นฐานแล้วคือการถ่ายโอนทรัพย์สิน หากคุณใช้แนวคิดที่ง่ายเกินไปในการทำการซื้อขาย ความเสี่ยงในการขาดทุนจะสูง คุณจำเป็นต้องคิดให้มากกว่าคนอื่นในตลาดสักเล็กน้อย การคิดให้ลึกซึ้งขึ้นจะช่วยให้คุณมีโอกาสได้รับทรัพย์สิน แต่ต้องระวังไม่ให้ซับซ้อนเกินไป เนื่องจากตลาดการเงินมักจะซับซ้อนในระดับหนึ่ง

ฟังความคิดเห็นของผู้อื่น

ข้อจำกัดของมนุษย์เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้และการทำการซื้อขายจะต้องมีการวิเคราะห์อย่างเป็นองค์รวม ดังนั้น บางครั้งการขาดทุนเกิดจากสิ่งที่เราไม่ได้คิดถึง การรับฟังความคิดเห็นจากผู้อื่นจึงสำคัญ แม้จะมีสไตล์และวิธีการที่แตกต่างจากตนเองก็ไม่ควรตั้งใจหลงติดอยู่กับความคิดเดิม

ไม่ควรทำให้ความขาดทุนขยายมากขึ้น เรียนรู้ที่จะยอมรับความขาดทุน

นักเทรดหลายคนไม่ยอมปิดสถานะเมื่อเกิดความขาดทุนในระดับสูง เนื่องจากสองสาเหตุคือ 1. ยังไม่ตระหนักว่าตลาดได้กลับทิศทางแล้ว ซึ่งบ่งบอกถึงการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่ไม่เพียงพอ 2. ไม่สามารถยอมรับว่าตนตัดสินใจผิดพลาด โดยมองว่าคือความล้มเหลว ซึ่งเป็นปัญหาทางจิตใจ ทั้งนี้นักเทรดควรตระหนักว่าความขาดทุนเป็นส่วนหนึ่งของการซื้อขาย และสามารถมองว่าเป็นต้นทุนการซื้อขาย ไม่มีใครที่ไม่เคยขาดทุน ตราบใดที่ทำกำไรมากกว่าขาดทุนก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้ว การทำให้ความขาดทุนขยายมากยิ่งขึ้นจะสร้างความยุ่งยากให้กับการซื้อขายของคุณเอง

เรียนรู้ที่จะให้โชคมีบทบาท

หากคุณโชคดีได้รับจังหวะเข้าที่สามารถทำกำไรได้ อย่าลืมที่จะถือไว้ให้มากที่สุด ต้องเข้าใจว่าการซื้อขายมีต้นทุนการขาดทุน และการทำกำไรในสถานะที่ดีจะช่วยให้คุณสามารถทำให้ความขาดทุนกลายเป็นเรื่องที่น้อยนิด

ต้องมีจิตใจที่มีระเบียบ

หากคุณพบวิธีการซื้อขายที่เหมาะกับตนเองแล้ว ควรยึดมั่นและไม่ควรซื้อขายโดยไม่มีเหตุผลหรือเพียงคิดโดยไม่ตรองให้ดี กำไรในการซื้อขายส่วนมากมาจากการควบคุมตนเองอย่างเข้มงวด คนที่มีทัศนคติที่เกินจริงหรือมีอารมณ์ไม่เหมาะที่จะทำการซื้อขาย ควรจำไว้ว่าควรรักษาความเย็นชาในทุกสถานการณ์จะช่วยเพิ่มความแม่นยำในการวิเคราะห์

สรุป

ทุกข้อที่กล่าวมาดูเหมือนจะเป็นเรื่องง่ายและเข้าใจได้ง่าย แต่การทำให้สำเร็จในตลาดการค้าต้องการจิตใจที่มุ่งมั่นที่จะฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งมากขึ้น การซื้อขายเป็นการศึกษาโดยไม่มีที่สิ้นสุด ประสบการณ์ที่มากกว่าคนอื่นจะชี้นำคุณไปสู่ความสำเร็จ!