การบริหารจัดการเงินคืออันดับหนึ่ง

จริง ๆ แล้ว ไม่มีปัญหาเรื่องการตัดขาดทุนเพราะว่าในจุดใดจุดหนึ่ง ความสูญเสียก็เกิดขึ้นแล้ว การตัดขาดทุนเพียงแค่เปลี่ยนความสูญเสียที่เป็นบัญชีส่วนหนึ่งให้กลายเป็นความสูญเสียที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งไม่ได้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าทางการเงินเลย หน้าที่เดียวของการตัดขาดทุนคือการลดความเสี่ยงที่เปิดเผย ถ้าเราตัดขาดทุนแล้ว ระดับต้นทุนของเราที่ได้รับผลกระทบจากความผันผวนของตลาดก็จะลดลง ในตลาดฟอเร็กซ์ที่มีการเคลื่อนไหวแบบสุ่ม การตัดขาดทุนหรือไม่ตัดขาดทุน มีความเป็นไปได้ประมาณ 50% ที่ราคาจะเคลื่อนที่ตามที่เราต้องการ หากผมตัดขาดทุน ก็หมายความว่าความสูญเสียในอนาคตจะหยุดลง แต่แปลว่าผมก็จะสูญเสียโอกาสในการทำกำไรในอนาคตเช่นกัน เว้นแต่ผมสามารถมั่นใจได้มากกว่า 70% ว่าหลังจากการตัดขาดทุน ราคาจะเคลื่อนที่ไปในทิศทางที่ผมต้องการ (ถ้าอย่างนั้น ผมคงรวยแล้วล่ะครับ ฮาๆ).

ความสำคัญของการตัดขาดทุนและการบริหารเงิน

ดูเหมือนว่า การตัดขาดทุน 100 จุด กับการตัดขาดทุน 5 ครั้งที่ 20 จุด จะไม่แตกต่างกันมากนัก แต่เมื่อคำนวณค่าธรรมเนียมแล้ว การตัดขาดทุนเพียงครั้งเดียวจะสูญเสีย 105 จุด ในขณะที่การตัดขาดทุนหลายครั้งจะสูญเสีย 125 จุด ซึ่งความแตกต่างนี้ในระยะยาวจะทำให้ผู้ที่มีการตัดขาดทุนน้อยกว่าแพ้ ดังนั้น หากการตัดขาดทุนมีไว้เพื่อลดความเสี่ยงที่เปิดเผย การดำเนินการตัดขาดทุนนี้ควรจะต้องเชื่อมโยงกับกฎการบริหารเงิน เช่น เมื่อเงินทุนมีการถดถอยถึงระดับที่กำหนด หรือลักษณะการถดถอยรวดเร็วเกินไป ก็ควรจะทำการตัดขาดทุนเพื่อลดความเสี่ยงที่เปิดเผย.

การบริหารจัดการพอร์ทการลงทุน

ลองนึกภาพว่า ฉันมีตำแหน่งที่เท่ากัน 4 ตำแหน่ง A ขาดทุน 300 จุด B ขาดทุน 200 จุด C ขาดทุน 400 จุด D ขาดทุน 100 จุด เมื่อมูลค่าทางการเงินลดลง 10% ผมคิดว่าความเสี่ยงสูงเกินไปจึงต้องทำการตัดตำแหน่ง การตัดตำแหน่งหมายถึงการลดความเสี่ยงที่เปิดเผย ดังนั้น ไม่ว่าจะตัดตำแหน่งไหน ผลกระทบต่อมูลค่าทางการเงินก็จะไม่ต่างกัน แต่ในพอร์ทการลงทุน การตัดตำแหน่งแบบนี้อาจเป็นเรื่องยาก เพราะพอร์ทการลงทุนที่มีหลายประเภทช่วยลดความเสี่ยง การตัดตำแหน่งหนึ่ง ๆ จะลดความหลากหลายลงและอาจทำให้ความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นต้องลดความเสี่ยงโดยรวม กล่าวอีกนัยหนึ่ง คือการลดตำแหน่งแต่ละตำแหน่งลงครึ่งหนึ่ง ไม่ใช่ตัดหนึ่งในปริมาณทั้งหมด.

การปรับตัวตามความผันผวน

วิธีการที่แม่นยำมากขึ้นคือการปรับตามความผันผวนของแต่ละตำแหน่ง ตอนนี้หากหันกลับไปมองการแกว่งตัวของเยนเมื่อไม่นานมานี้ก็จะเห็นได้ชัดว่า หากเยนมีการแข็งค่าอย่างมาก ความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดในพอร์ทที่เชื่อมโยงกับเยนต้องลดลงอย่างรวดเร็ว ปกติแล้วที่ทำ 1 ล็อต อาจจำเป็นต้องตัดให้เหลือเพียง 0.2 ล็อต เพื่อให้แน่ใจว่าความผันผวนของมูลค่าทางการเงินยังอยู่ในขอบเขตที่สามารถควบคุมได้ และเช่นเดียวกับวิธีการดังกล่าวในกลยุทธ์การซื้อขายแบบตาข่าย ก็จะต้องหยุดชั่วคราวในกรณีนี้ การบริหารจัดการเงินคืออันดับหนึ่ง.