ปัจจัยที่ทำให้ผู้เทรดล้มเหลว

ปัจจัยที่ทำให้ผู้เทรดล้มเหลวนั้นมีหลายหลาก แต่การเทรดที่ประสบความสำเร็จมักจะมีจุดร่วมบางประการ ทุกคนมีสไตล์การเทรดที่แตกต่างกันไป แต่ถ้าเราศึกษาพฤติกรรมการเทรดที่ประสบความสำเร็จอย่างละเอียด เราจะพบว่ามีหลายอย่างที่เป็นเครื่องมือการเทรดที่ใช้บ่อยที่สุด:

1. การระบุแนวโน้มการเทรด

ในฐานะที่เป็นผู้เทรด Forex คุณควรจะสามารถหาช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเทรดของคุณได้อย่างรวดเร็ว แม้ว่าไม่มีช่วงเวลาหนึ่งที่มีประสิทธิภาพ 100% แต่ผมขอแนะนำให้คุณเริ่มจากกราฟระยะยาวก่อนแล้วค่อยเริ่มสู่กราฟระยะสั้น การวิเคราะห์กราฟรายวันในตอนแรกจะช่วยให้คุณสามารถระบุแนวโน้มระยะยาวได้ แนวโน้มระยะยาวจะมีอยู่แค่ 3 ประเภท คือ แนวโน้มขาขึ้น แนวโน้มขาลง และแนวโน้มที่ไม่แน่นอน เมื่อคุณระบุแนวโน้มที่เป็นไปได้แล้ว คุณจะสามารถหาสัญญาณที่เป็นประโยชน์ในกราฟระยะสั้นง่ายขึ้น หากกราฟรายวันไม่แสดงแนวโน้มขาขึ้นหรือขาลง คุณสามารถเปลี่ยนไปดูกราฟ 4 ชั่วโมงหรือ 60 นาทีได้ โดยทั่วไปนักเทรดที่มีความกระตือรือร้นสูงมักจะใช้กราฟนาทีเพื่อหาสัญญาณการเข้าและออกจากตลาด การกำหนดแนวโน้มของตลาดเป็นการตัดสินใจที่สำคัญที่สุดสำหรับผู้เทรด คุณจำเป็นต้องสังเกตแนวโน้มระยะยาวและระยะสั้น รวมถึงจำเวลาที่จะมีการประกาศข้อมูลหรือข่าวสารของตลาดในปฏิทินเศรษฐกิจไว้ “แนวโน้มคือเพื่อนของคุณ” คำนี้ยังคงเป็นเรื่องจริง และเป็นกฎข้อที่ 1 ของผู้เทรด การติดตามแนวโน้มจึงเป็นเรื่องที่สำคัญมาก

2. สังเกตข่าวสารอย่างต่อเนื่อง

กลยุทธ์การเทรดที่ดีหมายถึง แม้ว่าเราจะเข้าเทรดก่อนการประกาศข่าว ข่าวที่ออกมาจะยังคงทำให้การเทรดของคุณอยู่ในตำแหน่งที่ดี หากคุณตัดสินใจที่จะเทรดก่อนการประกาศข่าว ต้องมั่นใจว่าคุณตั้งค่า Stop Loss ไว้ด้วย บางข่าวสามารถเปลี่ยนแปลงตลาดโดยทันที เหตุการณ์เช่น สงคราม การเลือกตั้งรัฐบาล วันหยุด หรือแม้แต่สภาพอากาศเลวร้าย ก็สามารถมีผลกระทบอย่างมากต่อบางคู่เงิน การเข้าใจข่าวสารที่เกี่ยวข้องกับคู่เงินเป็นสิ่งที่สำคัญ เช่น คู่เงินยูโร/ดอลลาร์สหรัฐมีความเกี่ยวข้องกับอัตราแลกเปลี่ยนของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางสหรัฐ (FED) การที่ดอลลาร์แข็งค่าจะทำให้ราคาคู่เงินยูโร/ดอลลาร์ลดลง คู่เงินหลักๆ ทั้งหมดอยู่ในลักษณะนี้ ความแตกต่างระหว่างคู่เงินต่างๆ มีมาก ดังนั้น ผมคิดว่าดีที่สุดคือการเลือกคู่เงินจำนวนไม่มากมาศึกษาให้ลึกซึ้ง และเทรดเฉพาะคู่เงินที่คุณรู้จักเท่านั้น คุณจะมีโอกาสทำกำไรจากการเทรดมากขึ้นหากคุณเข้าใจแนวโน้มการเคลื่อนไหวและปัจจัยที่มีผลต่อคู่เงินเหล่านั้น

3. การระบุระดับแนวรับและแนวต้าน

ระดับแนวรับและแนวต้านมีความสำคัญ เหล่านี้ไม่เพียงแต่สามารถกำหนดราคาสำหรับการเข้าและออกเท่านั้น แต่ยังต้องใช้ในการตั้งคำสั่ง Stop Loss และ Limit Order ด้วย หลายครั้ง เมื่อราคาผ่านแนวรับหรือแนวต้าน แนวโน้มจะกลับตัวโดยทันที การระบุระดับราคาเหล่านี้ได้อย่างเหมาะสมจะช่วยให้คุณเข้าใจการเปลี่ยนแปลงของแนวโน้มเงินได้ดีขึ้น หลายคนที่เป็นผู้เทรดมือใหม่ไม่เข้าใจว่าทำไมหลังจากเข้าเทรดได้ไม่นาน แนวโน้มถึงได้กลับตัว เพราะฉะนั้น ระดับแนวรับและแนวต้านสามารถช่วยให้คุณมองเห็นแนวโน้มได้ชัดเจนขึ้น

4. การใช้ตัวชี้วัดทางเทคนิค

ในตลาดการเทรดใดๆ การเข้าเทรดที่เหมาะสมถือเป็นส่วนที่สำคัญ และการใช้กราฟหลายอันและตัวชี้วัดต่างๆ จะช่วยให้คุณทำการตัดสินใจในการเทรดที่ดียิ่งขึ้น การที่มีตัวชี้วัดหลายตัวชี้ไปในแนวทางเดียวกันนั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าตัวชี้วัดส่งสัญญาณที่แตกต่างกัน ควรหลีกเลี่ยงการเข้าเทรด ในการเปิดตำแหน่ง คุณต้องมั่นใจก่อนว่าหลายตัวชี้วัดมีการชี้ไปในแนวทางเดียวกัน ในแนวโน้มระยะยาวหรือระยะสั้น คุณสามารถใช้ตัวชี้วัดเช่น MACD, RSI และตัวชี้วัด Stochastic ที่อาจบ่งบอกถึงการซื้อขายเกินหรือขายทิ้ง คู่เงินจะมักจะอยู่ในแนวโน้มที่แน่นอน แม้ว่าระดับแนวรับหรือแนวต้านของมันอาจไม่ชัดเจน แต่คู่เงินอาจจะอยู่ในสภาวะการซื้ออย่างเกิน ถ้าคุณเข้าใจสิ่งนี้อาจทำให้การกลับตัวของแนวโน้มเป็นไปได้

5. ซื้อในราคาต่ำ ขายในราคาสูง (ตามแนวโน้ม)

ตลาดมีการเปลี่ยนแปลงตามแนวโน้ม และมักจะมีการปรับตัวเล็กน้อยอยู่ตลอดเวลา หากต้องการทำกำไรสูงสุด การซื้อในราคาต่ำและขายในราคาสูงจะเป็นหลักการเทรดที่สำคัญสำหรับคุณ นี่จะช่วยให้คุณสามารถใช้คำสั่งหยุดขาดทุนเมื่อแนวโน้มกลับตัวจริงๆ และหลีกเลี่ยงการต้องออกจากตลาดเมื่อราคาปรับตัวลง ระดับแนวรับและแนวต้านช่วยในการกำหนดจุดปรับตัวที่เป็นไปได้ การใช้งานเครื่องมือ Fibonacci Retracement จะช่วยคำนวณระดับราคาซื้อขายและระบุการปรับตัวของคู่เงิน ผมขอแนะนำให้คุณคำนวณอัตราการปรับตัวตามแนวโน้มในอดีตของคู่เงินนั้นๆ

บทสรุป

การใช้เงินทุนที่เพียงพอในการเทรดเป็นสิ่งที่สำคัญ นอกจากนี้ การมีความอดทนในระหว่างการเทรดและการใช้สัดส่วนความเสี่ยงต่อผลตอบแทนเพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะมีกำไรในระยะยาว การยึดมั่นในกฎการเทรดเดียวกันและเรียนรู้ที่จะยอมรับการขาดทุนไม่ว่าจะเป็นใน Forex หรือ ตลาดการเงินอื่นๆ ผู้เทรดจะต้องไม่ให้การขาดทุนเกิดขึ้นเกินกว่าที่ตนเองจะรับได้ มิฉะนั้น คุณจะรู้สึกเครียดมากขึ้น และอารมณ์ของคุณจะมีอิทธิพลต่อการเทรด ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องที่ฉลาดท้ายที่สุดแล้ว อย่าลืมใช้ Stop Loss ทุกครั้ง!