เมื่อกราฟ K-line แสดงให้เห็นว่าราคามีการพุ่งสูงขึ้นโดยมีจุดสูงสูงขึ้นเรื่อย ๆ ขณะที่กราฟ MACD แสดงรูปแบบจากแท่งสีแดงมีการลดลงต่อเนื่อง ซึ่งหมายความว่าจุดสูงสุดของราคาหุ้นสูงกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า แต่จุดสูงสุดของ MACD ต่ำกว่าจุดสูงสุดก่อนหน้า สิ่งนี้เรียกว่า "ปรากฏการณ์การเบี่ยงเบนจุดสูงสุด" ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นสัญญาณว่าราคาหุ้นใกล้จะกลับตัวสู่ขาลง อีกทั้งยังหมายถึงว่าในระยะสั้นราคาหุ้นจะลดลง ซึ่งเป็นสัญญาณขายหุ้น (ในกรณีของ Forex ก็มีความหมายเช่นเดียวกัน)
การเบี่ยงเบนจุดต่ำสุดมักเกิดขึ้นเมื่อหุ้นมีราคาต่ำ เมื่อกราฟ K-line ของราคาหุ้นแสดงให้เห็นว่าราคายังคงลดลง ในขณะที่กราฟ MACD ที่มีแท่งสีเขียวแสดงการเพิ่มขึ้นของจุดต่ำสุด กล่าวคือ จุดต่ำสุดราคาหุ้นต่ำกว่าจุดต่ำสุดก่อน ส่วนจุดต่ำสุดของ MACD กลับสูงกว่าจุดต่ำสุดก่อนหน้านั้น ซึ่งเรียกว่า "ปรากฏการณ์การเบี่ยงเบนจุดต่ำสุด" โดยส่วนใหญ่ปรากฏการณ์นี้บ่งบอกว่าราคาหุ้นอาจกลับตัวขึ้นในช่วงราคาต่ำ ในระยะสั้นหมายถึงอาจมีการฟื้นตัวและเป็นสัญญาณการซื้อหุ้น
ในการปฏิบัติจริง การเบี่ยงเบนของ MACD มักปรากฏในตลาดที่มีความแข็งแกร่งซึ่งน่าเชื่อถือ ราคาในระดับสูงจะต้องมีรูปแบบการเบี่ยงเบนเพียงครั้งเดียวเพื่อยืนยันว่าราคานั้นจะกลับตัว แต่ในระดับต่ำจะต้องเกิดการเบี่ยงเบนซ้ำหลายครั้งซึ่งถึงจะยืนยันได้ (ดังนั้น ความแม่นยำในการพิจารณาการเบี่ยงเบนจุดสูงสุดของ MACD จะสูงกว่าการเบี่ยงเบนจุดต่ำสุด ซึ่งนักลงทุนควรให้ความสนใจเรียบร้อย)
การเบี่ยงเบนจุดสูงสุดของ MACD สำหรับราคาหุ้นนั้น เกิดจากราคาหุ้นที่มีการเพิ่มขึ้นมาต่อเนื่อง MACD ที่มีการเบี่ยงเบนจุดสูงสุดหมายถึงราคาหุ้นจะเทียบกับราคาในอดีต ซึ่งโดยรวมแล้วจะต้องดูแนวโน้มของราคาหุ้น และดูที่ DIFF ของ MACD ว่าต้องมีขนาดเปรียบเทียบกับจุดสูงสุดก่อนหน้านั้น ซึ่งให้ความสำคัญกับการพิจารณาค่าที่สูงกว่า ซึ่งหมายความว่าต้องตรวจสอบว่าจุดสูงสุดใหม่จะต้องไม่ต่ำกว่าจุดสูงสุดที่แล้ว มิฉะนั้นจะถือว่ามีการเบี่ยงเบน จากนั้นจะมีการร่วงลงอย่างน้อย 15%
สิ่งที่ควรค่าแก่การกล่าวคือ ตัวอย่างในตำราเรียนเกี่ยวกับการเบี่ยงเบน MACD มักจะดูเพียงแต่ราคาหุ้น แต่ในที่นี้เรากำลังดูราคาหุ้นเปรียบเทียบกับ DIFF ของ MACD เท่านั้น โดยมีการเบี่ยงเบนจุดต่ำสุดเกิดขึ้นเมื่อราคาหุ้นปรับตัวลงต่ำที่สุด แต่ DIFF ไม่ปรับตัวลงต่ำที่สุดอีกแล้ว (โดยที่มีจุดต่ำสุดก่อนหน้า) เมื่อถึงจุดต่ำสุดที่ต่ำกว่านั้นในวันถัดไป จะเรียกว่าวันเบี่ยงเบนจุดต่ำสุด ซึ่งสำคัญว่า คือจุดต่ำสุดนี้เกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นในวันถัดไป
การเบี่ยงเบนจุดสูงสุดและจุดต่ำสุดไม่เพียงแต่นำไปใช้กับหุ้น แต่รวมถึงตลาด Forex และทองคำด้วย ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทั่วไป สามารถเห็นได้จากการเคลื่อนไหวของราคาในทองคำเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โดยแนวโน้มของทองคำในกราฟรายวันปรากฏว่าจุดสูงสุดที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ ในขณะที่ MACD กลับแสดงจุดต่ำกว่าอย่างต่อเนื่อง การลดลงในภายหลังนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ นอกจากนี้ยังรวมถึงดัชนีดอลลาร์สหรัฐ เช่นเดียวกัน วันที่ราคาขึ้นสู่จุดสูงสุดใหม่ในขณะที่ MACD กลับแสดงจุดต่ำซึ่งแสดงถึงการถูกคาดหมายว่าจะมีการลดลงในอนาคต เพียงแต่ยกตัวอย่างบางตัวอย่างที่ชัดเจน หวังว่าจะช่วยให้ทุกคนได้รับประโยชน์จากการวิเคราะห์นี้
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
เรื่องที่น่ารู้
Crescentcollege คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกความเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้
เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือการระดมทุนในทุกรูปแบบ เรามุ่งมั่นเป็นเพียงสื่อกลางในการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนการซื้อขาย**
ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ Crescentcollege สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์
ติดต่อทางอีเมล: [email protected]
ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:
© 2024 Crescentcollege. สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรานำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง โดยไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำการลงทุน
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น