ผู้จัดการการเทรดที่เก่งและมีเสถียรภาพ

ในวงการการเทรดนั้นมีผู้เชี่ยวชาญมากมายที่มาจากที่ต่าง ๆ ซึ่งดีมากมายในแต่ละช่วงเวลา แต่เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี เราจะพบว่าผู้จัดการการเทรดที่มีความสามารถและเสถียรภาพนั้นหาได้ยากเย็นดุจทองคำในก้อนกรวด วันนี้ทีมงานจะมาอธิบายถึงมาตรฐานที่ใช้ในการประเมินและคัดเลือกผู้จัดการการเทรดที่เก่งและมีเสถียรภาพกัน

แหล่งที่มาของผู้จัดการการเทรด

เราต้องทำความเข้าใจเกี่ยวกับแหล่งที่มาของผู้จัดการการเทรดในตลาดปัจจุบัน ซึ่งแบ่งออกเป็นสองกลุ่มหลักคือ กลุ่มวิชาการและกลุ่มสนามจริง ผู้จัดการการเทรดกลุ่มวิชาการจะมีพื้นฐานการศึกษาและทำงานในสถาบันทางการเงินที่มีชื่อเสียง ส่วนกลุ่มสนามจริงจะมีประสบการณ์ที่มาจากการทำงานในสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะการมีผลงานที่โดดเด่นในตลาด

ตัวชี้วัดคุณภาพของผู้จัดการการเทรด

ในการประเมินผู้จัดการการเทรด มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณา ซึ่งรวมถึงความมีคุณธรรม ความรับผิดชอบ และความเชื่อถือได้ในตลาดการเงิน การมีจรรยาบรรณย่อมหมายถึงความรับผิดชอบต่อเงินทุนของลูกค้าและการบริหารจัดการที่มีความโปร่งใส

ความเสถียรและความมีประสิทธิภาพในการทำกำไร

ความเสถียรของผลการดำเนินงานและการรักษาผลตอบแทนที่ยาวนานเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งในการประเมินผู้จัดการการเทรด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการดูเฉลี่ยผลตอบแทนที่เกิดขึ้น ตัวอย่างเช่น วอร์เรน บัฟเฟต มีผลตอบแทนประจำปีเฉลี่ยเพียง 20% แต่สามารถสร้างฐานะที่ร่ำรวยจากการบริหารความเสี่ยงอย่างมีเหตุผล

ความสามารถในการวิเคราะห์และการเตรียมการ

ผู้จัดการการเทรดที่ดีจะต้องมีระบบการซื้อขายที่พัฒนาแล้ว มีการเตรียมการที่ครอบคลุมในทุกสถานการณ์ตลาด และสามารถมองเห็นอนาคตได้อย่างชัดเจน เช่นเดียวกับการเล่นหมากรุก ผู้เล่นที่ดีจะสามารถมองเห็นการเคลื่อนไหวในอนาคตได้หลายสิบก้าวและวิเคราะห์การแข่งขันในสนาม

การประเมินและคัดเลือกผู้จัดการการเทรด

ในการคัดเลือกผู้จัดการการเทรด ควรพิจารณาปัจจัยหลายด้าน เช่น ประสบการณ์ส่วนบุคคล ความมั่นคงทางการเงิน สถานะสุขภาพของครอบครัวและปัจจัยด้านอารมณ์ พื้นฐานการศึกษาและการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม การเลือกผู้จัดการการเทรดจึงต้องพิจารณาองค์ประกอบทั้งหมดที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจและการบริหารจัดการดังกล่าว

สรุป

ทีมงานเชื่อว่า ผู้จัดการการเทรดที่ดีมักเป็นผู้ที่มาจากพื้นฐานสนามจริงแต่มีกระบวนการคิดและการวางแผนที่มีแบบแผน คล้ายกับกลุ่มวิชาการ โดยสามารถนำความรู้จากวงการวิชาการไปใช้ในสนามจริง เพื่อเป็นผู้ที่สามารถจัดการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากที่สุด