การทำการค้าฟอเร็กซ์โดยใช้มาร์จิ้นนั้นขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ทางเทคนิค ไม่ได้หมายความว่าจะทำกำไรได้เสมอไป แต่หากไม่เข้าใจการวิเคราะห์ทางเทคนิค ในกรณีที่ไม่มีแนวโน้มที่เชื่อถือได้ การขาดทุนเป็นผลแน่นอน ซึ่งมีความเป็นไปได้ถึง 100% ดังนั้น ความสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิคอยู่ที่การพึ่งพาระดับทักษะเฉพาะตัวเมื่อไม่มีแนวโน้มที่เชื่อถือได้ โดยมุ่งหวังให้ตนเองเป็นผู้ชนะในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนหรือลดการขาดทุนให้มากที่สุด ฉะนั้นนักเทรดฟอเร็กซ์จึงต้องไม่สามารถขาดการวิเคราะห์ทางเทคนิคได้เลย
1. ต้องตระหนักถึงความสำคัญของการวิเคราะห์ทางเทคนิค แม้ว่าการวิเคราะห์พื้นฐานจะสำคัญ แต่การวิเคราะห์ทางเทคนิคมีความสำคัญมากกว่า โดยเฉพาะในฐานะนักลงทุนรายย่อย ควรให้ความสำคัญกับการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่สุด
2. การวิเคราะห์ทางเทคนิคสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการซื้อขายหุ้น ส่วนการวิเคราะห์พื้นฐานอาจไม่เสมอไป โดยหุ้นที่ดีในเชิงพื้นฐานอาจไม่ทำกำไรได้ ส่วนหุ้นประเภท ST ที่อาจดูไม่ดีในเชิงพื้นฐาน แต่ดัชนีทางเทคนิคกลับแสดงสัญญาณที่ดี ทำให้อาจเกิดการขึ้นได้ ดังนั้นการวิเคราะห์สถานะตลาดใหญ่เป็นพื้นฐาน ในขณะที่การวิเคราะห์หุ้นจะยึดตามเทคนิค
3. ดัชนีทางเทคนิคไม่ได้มีความทุกอย่าง แต่การไม่รู้จักดัชนีทางเทคนิคถือว่ามีปัญหา ต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรซื้อ เมื่อไหร่ควรขาย หุ้นประเภทใดที่สามารถซื้อได้และไม่ควรซื้อ ซึ่งเปรียบได้กับการเล่นไพ่ ที่มีรูปแบบของมัน ซึ่งหมายถึงการไม่ควรแพ้ในรูปแบบนั้นเอง เมื่อดูที่กราฟ K ของดัชนีที่กำลังขึ้น ได้นั้นขอให้เข้าใจว่าเส้นค่าเฉลี่ยเป็นพื้นฐานของดัชนีทุกชนิด
4. ปัจจุบันมีหุ้นจำนวนมาก ต้องเลือกหุ้นที่จำเป็นจากหุ้นพันรายการ จึงต้องใช้ตัวชี้วัดเงื่อนไขในการเลือกหุ้น ซึ่งสำคัญตรงที่จะช่วยในการคัดกรองว่าหุ้นใดจะขึ้นได้ ซึ่งการซื้อในเวลาที่เหมาะสมคือหนทางในการทำกำไร ตัวชี้วัดทางเทคนิคบางอย่างเริ่มส่งสัญญาณการซื้อ ตามที่ซื้อเข้าไป ความน่าจะเป็นในการทำกำไรคือเท่าไหร่? ต้องมีความชัดเจนในเรื่องดังกล่าว
5. ตัวชี้วัดทางเทคนิคซึ่งมีจุดซื้อและขายที่ชัดเจน และดัชนีประเภทนี้ต้องมีอัตราความสำเร็จที่สูง อีกทั้งต้องไม่มีฟังก์ชันในอนาคต และเส้นกราฟต้องมีความต่อเนื่องราบรื่น ผู้ใช้สามารถใช้เป็นดัชนีทางเทคนิคหรือเป็นเงื่อนไขในการเลือกหุ้นได้
ด้วยความก้าวหน้าของเทคโนโลยีและการใช้งานคอมพิวเตอร์ ดัชนีทางเทคนิคในตลาดฟอเร็กซ์สมัยใหม่จึงมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นเครื่องมือในการวิเคราะห์และมีฟังก์ชันที่ดีขึ้น
ในหลายแพลตฟอร์มการซื้อขาย จะมีเครื่องมือทางเทคนิคมากมาย เช่น MA (เส้นค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่), MACD, RSI, BOLL, KDJ เป็นต้น
การออกแบบดัชนีเหล่านี้มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยนักลงทุนค้นพบรูปแบบการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน ในการปฏิบัติจริง ดัชนีเหล่านี้มีบทบาทดังกล่าว โดยเฉพาะ MA ที่ช่วยให้นักลงทุนสามารถตรวจสอบต้นทุนเฉลี่ยของตลาด
ดังนั้น ดัชนีทางเทคนิคจึงสามารถทำให้การค้นพบการเคลื่อนไหวของตลาดการเงินมีความสำคัญและช่วยลดต้นทุนในการศึกษาความสำเร็จของตลาด ซึ่งถือเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์
แต่เครื่องมือเหล่านี้จะเป็นเพียงเครื่องมือ การใช้งานที่ถูกต้องขึ้นอยู่กับความเข้าใจของนักลงทุน ผู้ที่สามารถใช้ดัชนีทางเทคนิคได้อย่างเชี่ยวชาญถือว่าเป็นผู้มีโชคดี แต่ผู้ที่ยังไม่เข้าใจอาจเกิดความเชื่อมั่นโดยเกินจริงในดัชนีเหล่านี้
ยกตัวอย่าง MACD (ดัชนีการเคลื่อนที่ที่ราบรื่น) เป็นประเภทตัวชี้วัดที่เป็นแนวโน้ม ซึ่งแม้ว่าจะมีการสะท้อนที่ช้ากว่า แต่ในการใช้ในทางปฏิบัติก็ถือว่าเป็นตัวชี้วัดที่ใช้บ่อย
RSI (ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์) เป็นการพิจารณาจากพลังงานการเคลื่อนไหวของราคา ซึ่งมุ่งเน้นไปที่พลังงานและพลังงานของราคา
KDJ (ดัชนีแบบสุ่ม) จะช่วยในการวัดศักยภาพด้านอวกาศ มันสามารถให้แนวทางเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงราคาในอนาคตสำหรับนักลงทุนที่นิยมทำการเทรดตามแนวโน้ม
ในเรื่องของการเลือกและใช้ดัชนี ควรยึดหลักการที่ให้ความสำคัญกับความเป็นประโยชน์และความเรียบง่าย ขณะเดียวกันควรใช้การรวมตัวชี้วัดที่แตกต่างกันเพื่อเพิ่มความได้เปรียบ
ไม่มีดัชนีใดที่ไร้ที่ติ และทุกประเภทของดัชนีมักมีข้อบกพร่องที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ เช่น ดัชนีที่ค่อนข้างช้า (RSI; KDJ) หรือดัชนีที่ล้าหลัง (MA; MACD) หากไม่เข้าใจข้อดีข้อเสียของดัชนีเหล่านี้ในการใช้งาน อาจนำไปสู่ความผิดพลาดในการวิเคราะห์
เราจึงสามารถใช้งานการรวมตัวของช่องทางต่าง ๆ ได้เป็นคำแนะนำหนึ่งในการใช้ตัวชี้วัด เพื่อทำให้ได้ประโยชน์มากที่สุด ตัวอย่างเช่น การรวมดัชนีการติดตามแนวโน้มและดัชนีที่วัดพลังงาน (MACD+RSI) สองตัวนี้จะช่วยให้จับแนวโน้มได้ดีขึ้น หรือการรวมเส้นค่าเฉลี่ยและพลังงาน (MA+KDJ)
จำไว้ว่า การนำตัวชี้วัดมารวมกันใช้ถึงจะสามารถลดข้อผิดพลาดในระหว่างการปฏิบัติการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ตัวชี้วัดเหล่านี้ถูกใช้โดยคนทั่วไป แต่การนำไปใช้ก็แตกต่างกันไป ดังนั้นสิ่งที่สำคัญคือการทดลองและสรุปผลสิ่งที่ได้ในทางปฏิบัติ และเมื่อดัชนีทางเทคนิคช่วยให้นักลงทุนค้นพบรูปแบบต่าง ๆ และระบุเวลาซื้อขาย ดัชนีทางเทคนิคก็ได้ช่วยนักลงทุนทำกำไรสำเร็จ
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
เรื่องที่น่ารู้
Crescentcollege คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกความเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้
เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือการระดมทุนในทุกรูปแบบ เรามุ่งมั่นเป็นเพียงสื่อกลางในการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนการซื้อขาย**
ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ Crescentcollege สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์
ติดต่อทางอีเมล: [email protected]
ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:
© 2024 Crescentcollege. สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรานำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง โดยไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำการลงทุน
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น