การแนะนำ

วันนี้มีโอกาสพูดคุยเกี่ยวกับข้อคิดเห็นของตัวเองเล็กน้อย การซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศพูดง่ายๆ ก็คือความสัมพันธ์ระหว่างการซื้อและการขาย มีการซื้อก็มีการขาย ความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานง่ายๆ แล้วการวิเคราะห์ทางเทคนิคจะเป็นอย่างไร?

สาเหตุพื้นฐานของความผันผวนของราคา

ก่อนอื่นเราต้องทราบว่าเหตุใดราคาจึงผันผวน อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ราคาเกิดการเปลี่ยนแปลง? แท่งเทียนที่แสดงถึงอะไร? เราทราบว่าความผันผวนของราคาเกิดขึ้นจากการซื้อและการขายในตลาด พฤติกรรมการซื้อขายของผู้คนทำให้เกิดความผันผวนนี้ แท่งเทียนสะท้อนถึงพฤติกรรมการซื้อขายของผู้คนในตลาด ที่เราวิเคราะห์คืออะไร? คือการวิเคราะห์พฤติกรรมและอารมณ์การซื้อขายของผู้คน หลายคนอาจพูดว่าปัจจัยพื้นฐานมีผลต่อปัจจัยทางเทคนิค ข้อคิดเห็นนี้พูดได้ แต่ทำไมเมื่อข่าวสารพื้นฐานเผยออกมาราคาในตลาดจึงผันผวนอย่างรุนแรง? สุดท้ายแล้วคืออารมณ์ของผู้คนและพฤติกรรมการซื้อขาย โดยยกตัวอย่างเช่น: ในตลาดสดวันนี้ไข่ขายราคา 1 บาทต่อฟอง แต่สำหรับตอนเย็นมีข่าวว่าไข้หวัดนกกำลังระบาดอย่างรุนแรง อนาคตอาจมีการฆ่าสัตว์ปีกมากมายรวมถึงไก่ ดังนั้นทุกคนตระหนักถึงข่าวนี้ว่าไข่จะลดลง ทุกคนจึงเข้าใจใหม่เกี่ยวกับราคาของไข่ ในอนาคตแน่นอนว่าราคาไข่จะต้องสูงขึ้น วันที่สองเมื่อขายไข่ก็ปรับราคาขึ้น ผู้ซื้อก็เห็นด้วยกับการขึ้นราคา สิ่งนี้คือความสัมพันธ์ของอุปสงค์และอุปทานอย่างง่าย เมื่อสะท้อนในตลาดแล้วเราจึงสามารถเข้าใจได้ไม่ยากว่า ปัจจัยพื้นฐานที่มีผลกระทบไม่ใช่ราคา แต่เป็นอารมณ์การซื้อขายของผู้คน ปัจจัยพื้นฐาน --> สร้างอารมณ์การซื้อขายของผู้คน --> ทำให้เกิดพฤติกรรมการซื้อขายของผู้คน --> ทำให้เกิดความผันผวนของราคาในที่สุด สิ่งที่เราทำการวิเคราะห์ทางเทคนิคผ่านกราฟก็คือการวิเคราะห์จิตวิทยาและคาดการณ์การซื้อขายของกลุ่มคน

การซื้อขายตามแนวโน้ม

มาตรการ "การซื้อขายตามแนวโน้ม" เชื่อว่าหลายคนที่เริ่มเข้าสู่วงการจะได้รับคำแนะนำว่าต้องซื้อขายตามแนวโน้ม อย่าขัดแย้งกับแนวโน้ม คำพูดนี้เป็นคำพูดที่มีชื่อเสียงแต่ก็ไม่ค่อยมีประโยชน์อะไร แนวโน้ม? แนวโน้มคืออนาคต ไม่ใช่ปัจจุบัน ดังนั้นคุณจะทราบได้อย่างไรว่าการซื้อขายนั้นกำลังตามแนวโน้มปัจจุบันหรืออนาคต? หากคุณใช้คำพูดที่ว่ามาทำการซื้อขายตลอดไป ผมเชื่อว่าสัญญาของคุณจะติดอยู่ที่จุดที่สูงสุดหรือจุดที่ต่ำที่สุด ดังนั้นเราจะทำการซื้อขายอย่างไร? ตอนนี้เรามาแนะนำแนวคิด "ก่อนจะทำตามแนวโน้มต้องพิจารณาแนวโน้มก่อน" ซึ่งเป็นแกนหลักของวิธีที่ผมใช้: การพิจารณาแนวโน้ม

ระดับการสนับสนุนและต้านทาน

ระดับการสนับสนุนและต้านทาน โดยชื่อที่แสดงถึงความหมาย การสนับสนุน: เมื่อราคาถึงจุดใดจุดหนึ่งราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น แสดงถึงการสนับสนุน ต้านทาน: เมื่อราคาถึงจุดใดจุดหนึ่งราคาจะลดลง แสดงถึงการต้านทาน แล้วอะไรที่ทำให้ราคาขึ้นหรือลงที่จุดเฉพาะนี้? สาเหตุพื้นฐานคือพฤติกรรมของอารมณ์การซื้อขายของผู้คน เมื่อทุกคนคิดว่าที่จุดนี้ราคาจะต้องขึ้น พวกเขาจะเข้าซื้อสัญญาซื้อในจุดนี้ จำนวนมากจะดันให้ราคาขึ้น เมื่อทุกคนคิดว่าที่จุดนี้ราคาจะต้องลง พวกเขาจะเข้าผู้ขายในจุดนี้ เช่นเดียวกันจำนวนมากจะทำให้ราคาลดลง ดังนั้นจุดเฉพาะนั้นคือจุดที่รับประกันอารมณ์การคาดการณ์ของผู้คน

ประเภทของตลาด

ประเภทของตลาดที่เราสามารถแบ่งได้คือ 2 ประเภทง่ายๆ: ตลาดที่แกว่งและตลาดแนวโน้ม ตลาดที่แกว่ง: ราคาขึ้นลงอยู่ในกรอบราคาหนึ่ง ไม่ทำลายกรอบดีขึ้นหรือลดลง ตลาดแนวโน้ม: a. ราคาขึ้น: จุดต่ำสุดของราคาจะคงที่สูงขึ้น ในขณะที่จุดสูงสุดก็สูงขึ้น b. ราคาลง: จุดสูงสุดของราคาจะคงที่ต่ำลง ในขณะที่จุดต่ำสุดก็ต่ำลง

แผนการจัดการเงิน

1. ยุคยาวในการอยู่ในตลาด (สำคัญ) (ใครที่ไม่เคยพังซักครั้งกับการทำธุรกิจในตลาด?) 2. การเติบโตของสินทรัพย์อย่างมั่นคง 3. การสร้างรายได้สูง สำหรับผู้เริ่มต้น ต้องหาวิธีการอยู่รอดในตลาดที่โหดร้ายนี้ก่อน และค่อยสร้างฐานที่มั่นคงก่อนที่จะเดินต่อไปในเส้นทางถัดไป ตลาดก็คือกลุ่มคนจำนวนมาก แต่ละคนในกลุ่มล้วนมีความคิดว่าต้องการถือเงินของผู้คนอื่นๆ กลุ่มความโหดร้ายนั้นเป็นเอกลักษณ์เพราะทุกคนคือคู่แข่ง และแน่นอนว่าคุณเองก็เป็นคู่แข่งของทุกคน!

การคิดเพิ่มเติม

อยากจะเสนอความคิดเห็นเพิ่มเติมมากมายและในใจมีเรื่องที่มากมาย จะหาเวลามาพูดคุยเรื่องการตัดสินระดับสนับสนุนและต้านทานใหม่นะ ขอโชว์การซื้อขายในอดีตให้ทุกคนได้อ้างอิง บางส่วนอาจจะถูกหรืออาจจะผิด ไม่มีอะไรสำคัญ สถิติการเรียนรู้ควรเป็นสิ่งที่อยู่เสมอ