การลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา

ตลาดนี้มีทั้งผู้เชี่ยวชาญที่สามารถทำกำไรจากการลงทุนขนาดเล็ก รวมถึงนักลงทุนทั่วไปที่กำลังเผชิญกับการขาดทุนอย่างมาก สำหรับนักลงทุนรายย่อยที่มีเงินลงทุนไม่มากนั้น สถานการณ์ของพวกเขาไม่เป็นที่น่าพอใจนัก: มีประสบการณ์จำกัด ต้องศึกษาและจ่ายค่าเล่าเรียนเป็นจำนวนมากสำหรับแต่ละหลุมพรางที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน; มีเงินลงทุนจำกัด มักจะถูกล้มหลังจากเข้าสู่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา; ยังมีข้อได้เปรียบในด้านการเข้าถึงข้อมูลที่น้อยลง ดังนั้นนักลงทุนรายย่อยจึงมักจะกลายเป็นเหยื่อที่แย่ที่สุดในเกมที่มีแต่การแลกเปลี่ยนแบบนี้ “รู้จักตัวเองและเอาชนะตัวเอง” มักกลายเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดต่อความสำเร็จของนักลงทุนรายย่อย

จิตวิทยาที่หนึ่ง: การปฏิบัติตามโดยไม่คิด

การปฏิบัติตามโดยไม่คิดเป็นจุดอ่อนที่มีชื่อเสียงในด้านจิตวิทยาสำหรับนักลงทุนรายย่อย ขาดความเข้าใจเชิงลึกเกี่ยวกับตลาดและการวิเคราะห์ที่เป็นเอกลักษณ์ ข้อมูลและการวิเคราะห์ที่จำกัดของคนอื่นมักกลายเป็น “หลักฐาน” ที่นักลงทุนรายย่อยพึ่งพา: เมื่อข้อมูลเศรษฐกิจถูกเปิดเผย ข่าวที่เกิดขึ้นอย่างกระทันหันหรือกราฟราคาที่ “ทะลุ” ภายใน 5 นาที นักลงทุนรีบเข้าตลาด แต่เมื่อถูกจำกัดความสามารถ พวกเขากลับไม่กล้าขาย น่าเสียดายว่าพวกเขามักจะกลัวว่าคนอื่นจะทำกำไรได้แต่ตนเองไม่ได้

ตัวอย่างจากประวัติศาสตร์

ในช่วงสงครามอ่าว เมื่อสถานการณ์ตึงเครียดขึ้นเล็กน้อย ค่าเงินดอลลาร์ก็พุ่งสูงขึ้น และค่าเงินต่างประเทศก็ร่วงลง ในวันที่ 17 มกราคม วันเปิดสงคราม นักลงทุนรายย่อยเกือบจะ 100% เข้าไปขายเงินต่างประเทศ ผลที่ตามมาก็คือเงินต่างประเทศทะยานขึ้น ส่วนผู้ลงทุนรายย่อยกลับถูกติดอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ดี และรอคอยอย่างมั่นใจให้ตลาดกลับมาหา แต่ผลลัพธ์ก็คือการขาดทุนอย่างหนัก สงครามและความขัดแย้งมีแนวโน้มสนับสนุนการแข็งค่าของดอลลาร์ นี่คือหลักการพื้นฐาน ทำไมมันจึงเกิดความผิดปกตินี้

การวิเคราะห์พฤติกรรมที่ผิดพลาด

นักลงทุนรายย่อยมักทำผิดพลาดเดียวกันในตลาด บางครั้ง แม้กระทั่งนักลงทุนที่ต่างบริษัทก็มักจะติดอยู่ที่จุดราคาที่แทบจะเหมือนกัน ทำให้พวกเขาสงสัยว่ามี “ตา” ของตลาดหมุนมองพวกเขา จริงๆ แล้ว ตลาดนั้นยุติธรรม ด้วยการที่ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรามีวงเงินการซื้อขายมากเกือบหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ในแต่ละวัน บุคคลใด ๆ ยังยากที่จะควบคุม ในปี 1992 ในช่วงวิกฤตระบบเงินยูโร ตลาดนักเก็งกำไรได้เร่งขายปอนด์ ทำให้ปอนด์ตกลงมา 5000 จุดในระยะเวลาสั้น ๆ แม้ธนาคารอังกฤษจะพยายามแทรกแซงอย่างต่อเนื่อง และแม้แต่การปรับอัตราดอกเบี้ยก็ยังไม่สามารถทำอะไรได้ ในบางแง่มุม การที่เข้าใจตลาดผิดหรือเมื่อเข้าสู่ตลาดแล้วทิศทางกลับด้านทำให้ต้องติดขัดในตำแหน่งคือเหตุการณ์ปกติ แม้กระทั่งผู้เชี่ยวชาญก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ อย่างไรก็ตาม วิธีการที่ไม่เหมาะสมในการจัดการกับการขาดทุนมักเกิดจากจิตวิทยาของนักลงทุนรายย่อย