เปลี่ยนไปจากการใช้ดัชนีและสูตรที่ซับซ้อน

ทิ้งดัชนีและสูตรที่ซับซ้อนทั้งหมดไปเถอะ มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงราคาเพียงอย่างเดียวเพื่อประเมินทิศทางและความแข็งแกร่งของ “แนวโน้ม” แค่สามสิ่งสำคัญก็เพียงพอแล้ว: ราคาปิด, ราคาสูงสุด และ ราคาต่ำสุด ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาอธิบายทุกอย่าง (ราคาที่เปิดในตลาดมักจะเชื่อมต่อกับราคาปิดของวันก่อนดังนั้นจึงไม่ต้องใช้มัน) ตัวอย่างเช่นกราฟรายวันก็นำไปใช้ในกราฟรายสัปดาห์หรือรายเดือนได้เช่นกัน.

แนวโน้มขาขึ้นคืออะไร?

— ราคาปิดสูงกว่าราคาสูงสุดของเมื่อวานคือแนวโน้มขาขึ้น ยิ่งสูงกว่าราคาที่ผ่านมาแค่ไหนแสดงว่าความแข็งแกร่งของแนวโน้มยิ่งมากขึ้น (คุณสามารถแยกเป็นแนวโน้มที่แข็งแกร่งมากและแนวโน้มที่แข็งแกร่งทั่วไป) เปลี่ยนเป็นกลยุทธ์การซื้อขายแค่พิจารณาซื้อโดยไม่ต้องคิดถึงการขาย ยิ่งแข็งแกร่งก็ยิ่งซื้อของมากขึ้น.

แนวโน้มขาลงคืออะไร?

— ราคาปิดต่ำกว่าราคาต่ำสุดของเมื่อวานคือแนวโน้มขาลง ยิ่งต่ำกว่ากว่านั้นแสดงว่าความแข็งแกร่งของแนวโน้มยิ่งน้อยลง (คุณสามารถแยกเป็นแนวโน้มที่อ่อนแอมากและแนวโน้มที่อ่อนแอทั่วไป) เปลี่ยนเป็นกลยุทธ์การซื้อขายแค่พิจารณาขายโดยไม่ต้องคิดถึงการซื้อ ยิ่งอ่อนแอก็ยิ่งขายของมากขึ้น.

แนวโน้มการปรับฐานคืออะไร?

— ราคาปิดอยู่ระหว่างราคาสูงสุดและต่ำสุดของเมื่อวานคือแนวโน้มการปรับฐาน ความกว้างของการปรับฐานยิ่งมากยิ่งยากที่จะเบรก และระยะเวลาที่รักษาไว้ก็ยิ่งนานขึ้น เปลี่ยนเป็นกลยุทธ์การซื้อขายคือไม่ต้องรีบซื้อหรือขาย แค่ซื้อที่ต่ำและขายที่สูงก็เพียงพอแล้ว.

ข้อสรุป

ดูสิ! ง่ายไหม? สิ่งที่ง่ายคือสิ่งที่ใช้งานได้! หากผู้ซื้อขายคนใดมองข้ามปรากฏการณ์การขึ้นและลงที่ง่ายเหล่านี้ พวกเขาก็จะต้องจมอยู่ในโลกแห่งความคิดและขายในสถานการณ์ขาขึ้นและซื้อในสถานการณ์ขาลง ดัชนี MACD, KD, RSI, คลื่นต่าง ๆ มันมีประโยชน์อะไร? มันจะทำให้ผู้คนห่างไกลจากตลาดมากขึ้น มีคนบอกว่าตลาดมีความซับซ้อนมากกว่าที่คุณพูด บางครั้งมันดูเหมือนจะเป็นแนวโน้มขาขึ้น แต่เมื่อซื้อมันกลับลดลง มาเถอะ! นั่นคือการขาดทุน ก็ต้องขาดทุนตามที่ควร ไม่มีวิธีการใดที่แม่นยำร้อยเปอร์เซ็นต์ ขอเพียงแค่มีความถูกต้อง 50% รวมกับโอกาสที่ได้รับการคัดกรองและการบริหารความเสี่ยง คุณก็ยังสามารถชนะได้!