การลงทุนฟอเร็กซ์สำหรับนักเทรดมืออาชีพ

ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นการลงทุนฟอเร็กซ์อย่างไร การเป็นนักลงทุนฟอเร็กซ์ หรือแม้จะสร้างกำไรหรือขาดทุนในตลาดนี้ สิ่งหนึ่งที่ทุกคนคงเห็นตรงกันคือ ทุกอุตสาหกรรมต้องมีการศึกษาและทำความเข้าใจอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ประสบความสำเร็จ สำหรับการลงทุนฟอเร็กซ์นั้น เกณฑ์เดียวในการประสบความสำเร็จคือความสามารถในการทำกำไร ข้อความด้านล่างนี้เหมาะกับนักเทรดที่มองว่าการลงทุนฟอเร็กซ์เป็นงานประจำ โดยใช้หนึ่งวันเป็นรอบการซื้อขาย

การวิเคราะห์กราฟและกลยุทธ์การซื้อขาย

เมื่อเราใช้หนึ่งวันเป็นรอบการซื้อขาย กราฟที่เราต้องดูคือกราฟแท่งเทียนรายวัน แท่งเทียนรายวันมีสามประเภทหลัก ๆ คือ แท่งเทียนขึ้น แท่งเทียนลง และแท่งเทียนรูปกากบาท เมื่อแบ่งรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงแค่ขนาดของแท่งเทียนและความยาวของเงาบนและล่าง และในเชิงปฏิบัติ เรามีทางเลือกเพียงสองทางคือ ซื้อหรือขาย สิ่งที่ต้องเน้นคือต้องเรียนรู้การซื้อเมื่อราคาต่ำและขายเมื่อราคาสูง อาจมีคนคิดว่านี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่รวม ๆ แล้วเป็นการเลือกที่ง่าย สำหรับนักเทรดระยะสั้น ทำไมต้องมองหาแนวเข้าที่ดีที่สุด? เนื่องจากดัชนีเทคนิคส่วนใหญ่ไม่เหมาะกับรอบเวลาสั้น

แนวทางในการซื้อขาย

แนวทางและวิธีการดำเนินการ:

1. ก่อนเปิดตลาดยุโรป วิเคราะห์กราฟรายวันของคู่สกุลเงินหลัก คำนึงถึงความผันผวนซึ่งคือความปลอดภัยในการทำกำไร ควรเลือกคู่สกุลเงินที่มีความผันผวนสูง ไม่ว่าจะเลือกคู่สกุลเงินไหน ควรจะวิเคราะห์คู่สกุลเงินที่เกี่ยวข้อง คู่นี้จะหมายถึงคู่สกุลเงินที่มิใช่ประเภทเดียวกัน สกุลเงินแบ่งเป็นสกุลเงินดอลลาร์ สกุลเงินที่ไม่ใช่ดอลลาร์ และสินค้าสกุลเงิน เช่น ถ้าคุณซื้อคู่สเตอร์ลิงดอลลาร์ คุณต้องทำการวิเคราะห์คู่สกุลเงินสเตอร์ลิงกับดอลลาร์ สเตอร์ลิงกับเยนหรือฟรังค์ สเตอร์ลิงกับดอลลาร์ออสเตรเลียหรือดอลลาร์แคนาดา เทคนิคการวิเคราะห์กราฟรายวันไม่ได้คือสิ่งที่ผมจะพูดที่นี่ ทุกคนมีวิธีและดัชนีเทคนิคที่คุ้นเคย หากคุณยังไม่สามารถวิเคราะห์อย่างน้อยในทางทั่วไป คงไม่มีใครสามารถช่วยคุณได้ จากการสังเกตของผม ปัญหาของคนส่วนใหญ่ในขั้นตอนนี้ไม่ค่อยจะใหญ่
2. หลังเปิดตลาดยุโรป ตามแนวโน้มระยะสั้น หากมีการเคลื่อนไหวตรงข้ามตามการคาดการณ์ของคุณ ให้รออย่างอดทน หากมีสัญญาณราคาหยุดนิ่งจึงควรเข้าซื้อขาย ต้องย้ำว่าห้ามลังเล ไม่ต้องกังวลว่าจะโดนหลอกอย่างใด คุณไม่สามารถรอจุดเข้าที่สมบูรณ์แบบได้ หากราคาตามการคาดการณ์ไปแล้วไม่ต้องลังเล ให้เข้าเลย จุดสำคัญคือเมื่อเปิดตำแหน่งแล้ว ไม่ว่าจะกำหนดจุดหยุดการขาดทุนหรือไม่ ก็ควรปิดสถานะภายในเที่ยงวันสิ้นสุดการซื้อขายในวันนั้น
3. การใช้เงินทุน วิธีการนี้ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด สามประการคือ การเปิดตำแหน่งทุกวัน การใช้ทุนจำนวนเท่ากันในช่วงเวลาหนึ่ง และทุนสูงสุดที่ใช้ในการเปิดตำแหน่งต้องไม่เกิน 10% ของเงินในบัญชี

เหตุผลในการเลือกวิธีนี้

เหตุผลในการเลือกวิธีนี้คือ:

1. คนส่วนใหญ่มักไม่ค่อยมีปัญหาในการวิเคราะห์แนวโน้มใหญ่เพียงรองรับการศึกษาเพียงพอ มีความตั้งใจเรียนรู้ และมีความเข้าใจดีพอสำหรับการติดตามความเคลื่อนไหวทุกวัน
2. คนส่วนใหญ่สามารถคาดการณ์แนวโน้มใหญ่ได้ แต่ไม่สามารถอดทนกับการขาดทุนในระยะสั้นได้ และไม่กล้าที่จะเปิดตำแหน่ง เมื่อราคาทำตามการคาดการณ์อยู่ระยะหนึ่งแต่ไม่กล้าเปิดตำแหน่ง หวังจะรอให้ราคาแกว่งก่อนที่จะเข้าตลาด ปัญหาคือการคาดการณ์ในทางที่ไม่อาจเป็นจริง
3. การเก็งกำไรคือเกมความน่าจะเป็น ประเด็นคือจะต้องใช้การคำนวณความน่าจะเป็นที่จำเป็น สองอย่างคือจำนวนครั้งมากมายและปริมาณที่เท่ากัน หากขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง โอกาสจะไม่มีความหมาย
4. การตั้งจุดหยุดการขาดทุนระยะสั้นจะทำให้ความมั่นใจลดลง การขาดทุนชั่วคราวนั้นเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในความจำเป็นสำหรับการทำกำไร การซื้อขายระยะสั้นจะช่วยเสริมสร้างความรู้สึกที่ถูกต้องเกี่ยวกับการขาดทุน เพราะคุณสามารถทราบได้ว่าวันนี้จะขาดทุนมากแค่ไหน

ข้อสรุป

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้นเหมาะสำหรับผู้ที่มีประสบการณ์ในตลาดฟอเร็กซ์ ระยะเวลาหนึ่งในการซื้อขาย และมีความเข้าใจในดัชนีเทคนิคและวิธีวิเคราะห์ได้บ้าง เมื่อถึงเวลาที่จะกลับสู่ความเรียบง่าย จะต้องทำความเข้าใจข้อมูลให้ดี

สุดท้ายนี้ ขอพูดถึงความผันผวนของราคาที่มีเพียงสามประเภท: ขึ้น ปรับตัว และลง จงจำไว้ว่าการวิเคราะห์ทั้งหมดมีเป้าหมายเพียงแค่ประเด็นความน่าจะเป็น

เพิ่มเติม

บางคนอาจถามว่า หากสามารถมองเห็นแนวโน้มใหญ่ ๆ ได้ทุกวันแล้วใครจะทำไม่ได้ แต่ผิดแล้ว การดำเนินการนั้นสำคัญมาก การเก็งกำไรคือการทำให้เกิดความสามารถ เมื่อคุณให้เวลาทุ่มเท คุณจะทำให้การทำงานที่ซับซ้อนกลายเป็นเรื่องง่าย เพราะในทิศทางการซื้อขายระยะสั้น อุปกรณ์วิเคราะห์เทคนิคจำนวนมากอาจทำให้เกิดสัญญาณไม่ถูกต้อง แต่เมื่อมีสัญญาณที่ถูกต้อง ราคามักจะเคลื่อนไหวไปแล้ว มันมีประโยชน์ที่จะใช้ในการวิเคราะห์กราฟรายวันเพื่อใช้เครื่องมือวิเคราะห์หลากหลายผนวกกราฟประจำสัปดาห์และรายเดือน แต่เมื่อมองหาแนวเข้าที่ดีที่สุดในวันนั้นเรามักจะพึ่งพาความรู้สึกและลักษณะการเคลื่อนไหวของราคา สำคัญที่สุดคืออย่าพยายามรอจุดที่ดีที่สุด จริง ๆ แล้วผมเองก็ใช้ดัชนีเทคนิค แต่ใช้เฉพาะ Moving Average 10 และ 20 และ Bollinger Bands การวิเคราะห์ของผมมีสองประเด็นคือ ราคาไม่เคลื่อนที่เป็นเส้นตรง และการเคลื่อนที่ของราคามีแนวโน้มต่อเนื่อง

ในแง่ของศัพท์เฉพาะการซื้อขาย ผมไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่ว่าการเคลื่อนไหวเกิดจากการต่อสู้ระหว่างกระทิงกับหมี มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นใกล้ระดับราคาที่สำคัญ เช่น ราคาระยะสั้นหรือจุดสนับสนุนหลัก ในเวลาที่เหลือนไม่ควรมีแนวคิดระหว่างกระทิงและหมีที่ปรากฎ ราคาที่กลับช่วงมากกว่าผลจากการปิดสถานะขนาดใหญ่ ดังนั้นไม่จำเป็นต้องพยายามคิดว่ามันเป็นการกลับตัวหรือเสียโอกาส สถานที่เข้าที่แบบนี้มักไม่ได้นำเสนอการสนับสนุนจากดัชนีเทคนิคและอาจให้สัญญาณที่ผิดพลาด

เกี่ยวกับการซื้อขายในวันนั้น โดยไม่ตั้งจุดหยุดการขาดทุน ผมมีความเห็นส่วนตัวว่าสำหรับรอบเวลาสั้นจะไม่มีใครสามารถทำนายการผันผวนของราคาได้ หากมีความเชี่ยวชาญขนาดนั้น การคาดการณ์ในแง่ที่แน่นอนถือว่าหายาก และจากประสบการณ์ของผม การไม่ตั้งจุดหยุดแต่ได้รับผลตอบแทนมักจะทำให้ผลลัพธ์ดีๆ เกิดขึ้นได้มากกว่าการถูกหยุดการขาดทุน ส่วนใหญ่เมื่อเปิดตำแหน่งแรกผมใช้เพียงครึ่งหนึ่ง หากการคาดการณ์ไม่ถูกต้องชั่วคราวผมจะไม่เปิดส่วนที่สอง หากมีราคาที่ดีจึงจะเปิดอีกครั้ง หากเกิดสถานการณ์ที่ผิดไปตลอดวัน ให้เข้าซื้อขายอีกครั้งเมื่อสิ้นสุดการเคลื่อนไหวในวันนั้น ซึ่งจะลดโอกาสการขาดทุนและนอกจากนี้ควรจำไว้ว่าการปิดสถานะในแต่ละวันคือการหยุดการขาดทุน

ผมแนะนำให้ทุกคนใช้ Bollinger Bands ด้วยเหตุผลสองข้อ:

1. สามารถทำความเข้าใจได้ง่ายเกี่ยวกับแนวโน้มและความไม่แน่ชัดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปรากฎแนวโน้มใหญ่ จะต้องไม่ทำการซื้อขายสวนแนวโน้ม ในกรณีที่ผลลัพธ์ในระหว่างแนวทางตั้งแต่สองทิศทางจะต้องมีช่วงหยุดพัก เป็นโอกาสดีในการปิดสถานะ
2. รูปแบบของ Bollinger Bands ทำให้คุณสามารถมองเห็นพื้นที่แรงกดดันและการสนับสนุนได้อย่างชัดเจน เนื่องจาก Bollinger Bands ไม่สามารถเกิดรูปแบบใด ๆ ได้อย่างอิสระ ซึ่งช่วยเสริมให้กับ Moving Average หรืออุปกรณ์เทคนิคอื่น ๆ ที่ถูกต้องและสมเหตุสมผล

ดังนั้นแนะนำให้ทุกคนศึกษาความผันผวนของ Bollinger Bands อย่างจริงจัง แม้ว่าคุณจะไม่ได้ทำการซื้อขาย แต่ต้องสังเกตการเปลี่ยนแปลง เพื่อทำการคาดการณ์ในใจและดูว่าแตกต่างกับแนวโน้มจริง ๆ มากแค่ไหน

ผู้เขียน: ahoow