บทนำ

ท่ามกลางวิกฤตสินเชื่อที่อยู่อาศัยในสหรัฐฯ ที่แพร่หลายไปทั่วโลก สภาพเศรษฐกิจทั่วโลกได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราก็ไม่สามารถหลีกหนีจากสถานการณ์นี้ได้ ในปี 2008 สำหรับนักลงทุนหลายคน ความทรงจำที่เด่นชัดอาจไม่ใช่การเพิ่มขึ้นของความมั่งคั่งหรือความสำเร็จ แต่กลับเป็นความล้มเหลวที่ฝังแน่นอยู่ในใจ เมื่อเผชิญกับปี 2009 ที่เพิ่งเริ่มต้น บทเรียนเหล่านี้สามารถช่วยให้นักลงทุนตรวจสอบตัวเอง ปรับกลยุทธ์ และได้รับผลตอบแทนที่มองไม่เห็น หนึ่งในนั้นคือการเพิ่มความมีประสิทธิภาพของระบบเพื่อให้การคาดการณ์อัตราแลกเปลี่ยนแม่นยำยิ่งขึ้น

ระบบการซื้อขาย

ระบบการซื้อขายที่พูดถึงนี้รวมถึงสองด้าน: ระบบข้อมูลและระบบดัชนีทางเทคนิค สำหรับระบบข้อมูล ไม่ว่านักลงทุนจะเป็นมือใหม่หรือมือเก๋า ก็จะตัดสินใจจากพื้นฐานในการวิเคราะห์ทิศทางอัตราแลกเปลี่ยนที่สำคัญ จากข่าวลบและข่าวดีต่าง ๆ เพื่อตรวจจับแรงขับเคลื่อนของตลาดแลกเปลี่ยน ซึ่งสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการใช้ระบบดัชนีทางเทคนิค ซึ่งเป็นการรวมกันของดัชนีทางเทคนิคที่นักลงทุนตั้งขึ้นเพื่อใช้ในการซื้อขาย โดยมีมาตรฐานในการดำเนินการซื้อขายตามที่ตั้งไว้ ซึ่งดัชนีทางเทคนิคเหล่านี้สามารถรวมถึงการแบ่งทองคำ ระบบค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ ดัชนีความแข็งแกร่งสัมพัทธ์ (RSI) และวง Bollinger เป็นต้น การใช้เทคนิคต่าง ๆ เหล่านี้สามารถรวมกันหรือใช้แยกได้

ความผันผวนของตลาด

อย่างไรก็ตาม ตลาดแลกเปลี่ยนมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้ความมีประสิทธิภาพของระบบก็มีความผันผวนเช่นกัน นักลงทุนอาจจะได้กำไรหรือขาดทุน ต้องระวังว่าระบบเองนั้นไม่ได้ดีหรือไม่ดี ทุกนักลงทุนในระยะยาวของการซื้อขาย จะสร้างระบบการซื้อขายที่ตรงกับสไตล์การซื้อขายของตนเองตามประสบการณ์จริง และระบบการซื้อขายนี้ควรมีการเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ กล่าวอีกนัยหนึ่ง ระบบนี้ควรปรับตามความก้าวหน้าในการเข้าใจตลาดของนักลงทุน รวมถึงข้อมูลทางเศรษฐกิจที่สำคัญและดัชนีทางเทคนิคที่แตกต่างกัน และต้องมีการทดสอบความมีประสิทธิภาพของการปรับเปลี่ยนในกระบวนการปรับให้ดีขึ้น

บทสรุป

หากนักลงทุนสามารถบริหารจัดการระบบการซื้อขายที่ตนเองสร้างขึ้นได้ดี มันจะกลายเป็นอาวุธที่มีประสิทธิภาพที่สุดในสนามรบจริงในการลงทุน