ดัชนี Bollinger เป็นดัชนีความผันผวนที่ใช้ในการวัดการเคลื่อนไหวของตลาด มันช่วยให้คุณสามารถประเมินราคาเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ล่าสุดว่ามีค่ามากหรือน้อย และคาดการณ์ว่าเมื่อไหร่ราคาจะลดลงหรือเพิ่มขึ้นกลับไปยังระดับนั้น ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถตัดสินใจเมื่อจะซื้อหรือขายได้
Bollinger Bands ประกอบด้วยเส้นหลักสามเส้น เส้นกลางแสดงถึงค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่แบบง่ายของราคา เส้นด้านบนและด้านล่างแสดงถึงระดับสูงและต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ล่าสุดโดยตรง ในภาพด้านล่างจะแสดงถึงรูปแบบของ Bollinger Bands บนกราฟราคา
เมื่อราคาถึงเส้นด้านบน ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์มีค่าค่อนข้างสูง จะถือว่ามีโอกาสในการซื้อ เมื่อได้รับการคาดการณ์ว่าราคาจะเคลื่อนตัวไปทางค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่กลางในทิศทางที่ลดลง
เมื่อราคาสูงใกล้เส้นล่าง ราคาปัจจุบันของสินทรัพย์มีค่าค่อนข้างต่ำ จึงถือว่ามีโอกาสในการขาย เมื่อคาดว่าจะสูงขึ้นไปทางค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ วิธีนี้ต้องระมัดระวัง เนื่องจากการขึ้นและลงถึงเส้นอาจไม่หมายถึงการกลับตัวของราคา
Bollinger Bands ยังช่วยให้คุณสามารถวัดความผันผวนของตลาดตามระยะห่างระหว่างเส้นด้านบนและด้านล่าง ระยะห่างที่มากหมายความว่ามีความผันผวนสูง ในขณะที่ระยะห่างที่น้อยแสดงถึงความผันผวนต่ำ
ดัชนี Bollinger มีการตั้งค่าที่แตกต่างกันสองรายการที่คุณสามารถเปลี่ยนแปลงได้ ได้แก่ จำนวนรอบและส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน เมื่อเปลี่ยนแปลงจำนวนรอบ การตั้งค่าเริ่มต้นจะเป็น 20 รอบ ซึ่งหมายถึงช่วงเวลาที่คำนวณแนวโน้มของราคา การลดจำนวนรอบจะช่วยให้ดัชนีตอบสนองได้เร็วขึ้น แต่จะมีสัญญาณการซื้อขายที่ผิดพลาดมากขึ้น
ค่า_STANDARD_ ของ Bollinger จะถูกตั้งไว้ที่ 2 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานหมายถึงข้อมูลที่รวมอยู่ใน Bollinger Bands ซึ่งมีการแจกจ่ายตามปกติ ค่าที่สูงขึ้นจะทำให้ระยะห่างระหว่างเส้นภายนอกกับเส้นกลางลดลงและรวมเอาแนวโน้มราคาที่มากขึ้น ดังนั้นตั้งค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเป็น 1 หมายถึงว่าแนวโน้มราคาประมาณ 68% จะอยู่ภายในเส้นนี้
1. Bollinger Bands คือดัชนีความผันผวนที่ใช้วัดการเคลื่อนไหวของราคา
2. มันช่วยให้คุณประเมินว่าราคาอยู่สูงหรือต่ำเมื่อเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ล่าสุด
3. เมื่อราคาแตะเส้นด้านบน ถือว่ามีโอกาสซื้อ เส้นดังกล่าวมีแนวโน้มที่ราคาจะลดลงสู่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
4. เมื่อราคาแตะเส้นด้านล่าง ถือว่ามีโอกาสขาย ราคามักจะเคลื่อนตัวขึ้นไปสู่ค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่
5. ระยะห่างระหว่างเส้นทั้งสองมีผลต่อความผันผวนของราคา
6. การเพิ่มจำนวนรอบจะทำให้ Bollinger Bands เรียบขึ้นและลดความถี่ในการผ่านเส้น
7. การเพิ่มส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานจะเพิ่มระยะห่างระหว่างเส้นขอบกับเส้นกลางและลดความถี่ในการผ่านเส้น
2024-11-14
ระบบการซื้อขายที่ใช้หลายตัวชี้วัดในตลาดฟอเร็กซ์ ซึ่งออกแบบมาเพื่อตลาดที่มีแนวโน้ม โดยเน้นการวิเคราะห์กราฟ 4 ชั่วโมงและ 15 นาที
การซื้อขายตลาดฟอเร็กซ์ระบบการซื้อขายตัวชี้วัดการวิเคราะห์ทางเทคนิค
2024-11-14
แนวคิดสำคัญในการสร้างระบบการซื้อขายส่วนตัวซึ่งจะช่วยให้ผู้ที่ต้องการเรียนรู้มากขึ้นเกี่ยวกับตลาดฟอเร็กซ์
ระบบการซื้อขายการฝึกอบรมตลาดฟอเร็กซ์การสื่อสารสัญญาณการซื้อขาย
2024-11-14
บทความนี้จะอธิบายทฤษฎีดาวโจนส์ว่าคืออะไรและวิธีใช้งานในการวิเคราะห์ตลาดการเงิน รวมถึงการเข้าและออกจากตลาดอย่างมีประสิทธิภาพ
ทฤษฎีดาวโจนส์การซื้อขายในตลาดการเงินการลงทุนการวิเคราะห์ทางเทคนิคการเคลื่อนไหวของราคา
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
เรื่องที่น่ารู้
Crescentcollege คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกความเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้
เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือการระดมทุนในทุกรูปแบบ เรามุ่งมั่นเป็นเพียงสื่อกลางในการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนการซื้อขาย**
ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ Crescentcollege สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์
ติดต่อทางอีเมล: [email protected]
ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:
© 2024 Crescentcollege. สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรานำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง โดยไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำการลงทุน
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น