ความเสี่ยงในการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ

นักเทรดเงินตราอาชีพล้วนทราบดีถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการซื้อขายเงินตราต่างประเทศ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงหลายปีที่ผ่านมาสะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการรับรู้ความเสี่ยง เราทุกคนยังจำพายุตลาดการเงินในปี 2008 ได้ ที่แทบจะส่งผลกระทบต่อทุกประเภทสินทรัพย์ อย่างไรก็ตาม แม้ว่านักเทรดจะต้องให้ความสำคัญกับการรับรู้ความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง แต่ในความจริงแล้ว ในส่วนใหญ่ของเวลา ตลาดการค้าก็ยังดำเนินไปอย่างมีเหตุผลและมีระเบียบเรียบร้อย ปัญหาคือ ความผันผวนในบางวันหรือบางสัปดาห์อาจมีความรุนแรงมากจนทำลายผลผลิตจากการทำงานอย่างหนักของหลายเดือนในเวลาสั้นๆ ได้ ด้วยเหตุนี้ การเลือกโบรกเกอร์ที่มีชื่อเสียงจึงเป็นสิ่งที่สำคัญ เพื่อที่ผู้ค้าเข้าตลาดด้วยความมั่นใจ แต่ก็ต้องตระหนักถึงสัญญาณของความวุ่นวายในตลาดอยู่เสมอ

เส้นอัตราผลตอบแทน

เส้นอัตราผลตอบแทนคำนวณจากความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 2 ปีและอายุ 10 ปี เป็นตัวชี้วัดที่ดีในการวัดความเครียดทางการเงินและภาวะเศรษฐกิจถดถอย ภายใต้สภาวะปกติ อัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปีจะต้องให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าสำหรับนักลงทุนเพื่อเป็นการชดเชยการลงทุนในระยะยาว ในขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยระยะสั้นควรมอบผลตอบแทนที่ต่ำกว่า เนื่องจากนักลงทุนต้องเผชิญกับความเสี่ยงในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม บางครั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลง เนื่องจากนักลงทุนเชื่อว่าการลงทุนในพันธบัตรระยะยาวปลอดภัยกว่าพันธบัตรระยะสั้น นี่คือสาเหตุที่ทำให้เส้นอัตราผลตอบแทนแบนเรียบหรือลดลง ดังนั้น เส้นอัตราผลตอบแทนจึงเป็นตัวชี้วัดที่สำคัญต่อการเพิ่มของความเสี่ยงและความผันผวนในตลาด

อัตราส่วน TED

บทบาทของอัตราส่วน TED ก็คล้ายกันมาก แต่จะวัดความแตกต่างระหว่างอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และอัตราดอกเบี้ยเงินยูโร อัตราส่วน TED เป็นตลาดเงินที่มีอายุสั้น มีสภาพคล่องสูง และถือเป็นการลงทุนที่ปลอดภัยที่สุดและมีผลตอบแทนต่ำที่สุด มันเป็นตลาดที่ธนาคารขนาดใหญ่ใช้ในการหารายได้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่มีความกดดัน เช่น ในปี 2008 อัตราส่วน TED ขยายตัว เนื่องจากความปลอดภัยของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ลดลงเมื่อเปรียบเทียบกับเงินยูโร นี่เป็นอีกหนึ่งสัญญาณของความวุ่นวายของตลาด และเป็นตัวชี้วัดว่าสกุลเงินป้องกันความเสี่ยงอาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด

ข่าวที่เกินความคาดหมาย

ข่าวที่เกินความคาดหมายมักเป็นสัญญาณเริ่มต้นของความผันผวนที่มากในตลาดการเงิน เช่น เมื่อตลาดการลงทุนประกาศอย่างกะทันหันว่ามีปัญหาทางการเงิน ธนาคารกลางลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไม่คาดคิด หรือเกิดปัญหาในการประมูลพันธบัตรยุโรป มีหลายสาเหตุที่อาจทำให้ตลาดเกิดความผันผวนอย่างรุนแรง นักเทรดต้องมีความตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยกระตุ้นที่ส่งผลต่อสุขภาพของระบบการเงิน หากมีหลายๆ เหตุการณ์เล็กน้อยเกิดขึ้นซ้ำๆ ผลกระทบของมันอาจเลวร้ายได้พอๆ กับเหตุการณ์ใหญ่เหตุการณ์เดียว