ปัญหาที่พบบ่อย

เชื่อว่าผู้ค้าส่วนใหญ่เคยประสบปัญหานี้: ทุกครั้งที่ตลาดดูเหมือนจะใกล้ถึงจุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด มักจะมีความสับสนว่าจะขายที่สูงหรือซื้อที่ต่ำ หรือจะไล่ตามราคาในขาขึ้นหรือขายในขาลง อย่างไรก็ตาม ตามสไตล์การซื้อขายส่วนบุคคลและความสามารถในการรับความเสี่ยง หากคุณเป็นผู้ค้าสายรุก คุณอาจสร้างตำแหน่งหรือปิดตำแหน่งล่วงหน้า ซึ่งถือเป็นความคิดการซื้อขายด้านซ้าย; ถ้าคุณเป็นผู้ค้าสายที่ระมัดระวัง คุณอาจรอให้มีสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับจุดต่ำสุดและจุดสูงสุดก่อนที่จะดำเนินการ ซึ่งเรียกว่าความคิดการซื้อขายด้านขวา จากแนวคิดและสไตล์การซื้อขาย มันดูเหมือนจะง่ายมาก แต่ในทางปฏิบัติ ผู้คนจำนวนมากก็ยังคงสับสนว่า จุดไหนคือจุดสูงสุด? จุดไหนคือจุดต่ำสุด? และจะยืนยันได้อย่างไรว่าแนวโน้มได้เกิดขึ้นแล้ว? นอกจากนี้จะต้องสร้างตำแหน่ง, เพิ่มตำแหน่ง และปิดตำแหน่งอย่างไร? จะทำการควบคุมความเสี่ยงได้ดีได้อย่างไร?

การวิเคราะห์แนวโน้ม

สำหรับคำถามเกี่ยวกับจุดสูงสุด จุดต่ำสุด และการตัดสินใจเกี่ยวกับแนวโน้ม ผู้ที่เชื่อว่าการวิเคราะห์เชิงเทคนิคมีประโยชน์ก็จะรู้วิธีแก้ปัญหาตามทฤษฎีและเครื่องมือที่เรียนรู้มา ส่วนผู้ที่รู้สึกว่าการวิเคราะห์เชิงเทคนิคนั้นเป็นเรื่องไม่น่าเชื่อถือก็จะตัดสินใจตามประสบการณ์ของตนเอง การเข้าและออกจากตลาดอย่างแม่นยำนั้น จริงๆ แล้วไม่ใช่สิ่งที่ผู้ซื้อขายทั่วไปสามารถทำได้ แต่เรายังมีวิธีการเพิ่มอัตราการชนะและผลตอบแทน หนึ่งในกุญแจสำคัญในการทำเช่นนี้คือการสร้างระบบการจัดการตำแหน่งที่เหมาะสมสำหรับการซื้อขายด้านซ้ายและด้านขวา

การซื้อขายด้านซ้ายและด้านขวา

ก่อนที่เราจะพูดถึงวิธีการควบคุมตำแหน่งที่แตกต่างกันในสองวิธีการซื้อขายนี้ มาทำความชัดเจนเกี่ยวกับการซื้อขายด้านซ้ายและด้านขวาก่อน การซื้อขายด้านซ้ายหมายถึงการซื้อขายที่สวนทางกับแนวโน้มที่ทำให้ราคาเคลื่อนไหว ซึ่งหมายถึงการคาดการณ์ล่วงหน้าและการดำเนินกลยุทธ์ที่เกี่ยวข้องในขณะที่ผู้ติดตามตลาดกำลังซื้อขาย ตามแนวโน้ม ในขณะที่การซื้อขายด้านขวาคือการดำเนินการเมื่อแนวโน้มของตลาดชัดเจนแล้ว แต่อย่าไปคาดการณ์จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุดแบบด้วยตนเอง

การควบคุมตำแหน่ง

จากตารางข้างต้น การซื้อขายด้านซ้ายจำเป็นต้องมีความสามารถในการรับรู้ที่เฉียบแหลมเพื่อตรวจหาจุดเริ่มต้นของแนวโน้มถัดไป แต่ในความเป็นจริง ผู้ค้ามักจะทำการซื้อขายอย่างไม่มองเห็น ภายใต้สถานการณ์ประเภทนี้ ผู้ค้าด้านขวาถูกมองว่าเป็นผู้ค้าที่มั่นคง แต่ความจริงคือผู้ค้าด้านขวามีอยู่ไม่มาก

วิธีการบริหารความเสี่ยง

ในการซื้อขายทั้งในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราหรือในตลาดสินค้า ส่วนใหญ่ของนักลงทุนทำการซื้อขายอย่างไม่ระมัดระวัง ไม่เข้าใจกฎการซื้อขายและการควบคุมความเสี่ยง ไม่มีแนวคิดในการบริหารจัดการเงินทุน ในทางปกติแล้ว การซื้อขายด้านซ้ายให้ผลกำไรสูง แต่อัตราความเสี่ยงก็สูงเช่นกัน ขณะที่การซื้อขายด้านขวาจะให้ผลกำไรน้อย แต่ความเสี่ยงก็น้อยกว่าเช่นกัน ทั้งสองแบบไม่ได้มีความได้เปรียบหรือเสียเปรียบ กระนั้น เราสามารถใช้ระบบการวิเคราะห์ทางเทคนิคที่เราชำนาญ รวมเข้ากับการจัดการตำแหน่งที่เหมาะสม เพื่อเพิ่มผลกำไรให้สูงสุด

การควบคุมตำแหน่งสำหรับการซื้อขายด้านซ้าย

ในการตีความที่เป็นที่นิยม การซื้อขายด้านซ้ายคือการ “เดิมพัน” คือการกระทำที่มีความเสี่ยง หากถือว่าทำได้ดีอาจจะได้ผลกำไรสูง แต่หากทำได้ไม่ดีอาจถึงจุดที่ขาดทุนมาก การควบคุมตำแหน่งในกรณีนี้จึงมีความสำคัญยิ่ง เมื่อใดที่การกระทำผิดพลาดจะมีความเสี่ยงที่จะเกิดการ “ติด” หรือ “ว่างเปล่า” เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังนั้นการควบคุมตำแหน่งต้องเข้มงวดและนี่คือหัวใจของการซื้อขายด้านซ้าย การสร้างตำแหน่งในสไตล์ “พีระมิด” และการขายในสไตล์ “กลับพีระมิด” คือสองเทคนิคที่ใช้กันมากในด้านนี้

การควบคุมตำแหน่งสำหรับการซื้อขายด้านขวา

การซื้อขายด้านขวาแตกต่างออกไปไม่ใช่ “เดิมพัน” แต่เป็นการ “รอ” รอคอยการมาถึงของแนวโน้ม โดยไม่ต้องการให้ได้เปรียบที่จุดสูงสุดหรือจุดต่ำสุด เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่สูงมาก ผู้ค้ามักทำการซื้อขายในรูปแบบหลายระดับ แต่การซื้อขายด้านขวามีความเสี่ยงที่น้อยกว่า โดยทั่วไปแล้ว จะสามารถเข้าซื้อขายได้เต็มตำแหน่งในขณะที่ต้องควบคุมตำแหน่งให้เพียงพอ สำหรับการซื้อขายด้านขวา จุดหยุดขาดทุนเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่ง

ประกันความเสี่ยงในการซื้อขาย

ในการซื้อขายทั้งสองด้าน หากใช้กฎอย่างเคร่งครัดในการดำเนินการ ถือว่าคุณได้ซื้อประกันให้กับการซื้อขายของคุณ การสร้างระบบการจัดการตำแหน่งที่เหมาะสมร่วมกับเทคนิค บ่งชี้ และประสบการณ์ จะช่วยเพิ่มอัตราการชนะและผลตอบแทนไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายด้านซ้ายหรือด้านขวา