บทนำ

ราคาบนตลาดเมื่อถึงระดับหนึ่งมักจะไม่เพิ่มขึ้นหรือลดลงต่อไป มีแนวต้านหรือแนวรับที่ดูเหมือนจะกีดขวางราคาที่เราเรียกว่าแนวต้านและแนวรับ ตามที่กล่าวถึง แนวต้านหมายถึงเมื่อราคาขึ้นถึงระดับสูง มีการเสนอขายจำนวนมากหรือการซื้อเข้าที่อ่อนแอ จึงทำให้ราคาขึ้นต่อไม่ได้ แนวรับหมายถึงเมื่อราคาลงถึงระดับหนึ่ง ความต้องการซื้อจะเพิ่มขึ้นและความต้องการขายจะลดน้อยลง ทำให้ราคาหยุดลดลง จากมุมมองของอุปสงค์และอุปทาน “แนวรับ” แสดงถึงความต้องการที่เกิดขึ้นในหลายจุด และ “แนวต้าน” แสดงถึงอุปทานที่รวมตัวกัน การเปลี่ยนแปลงในอุปสงค์และอุปทานในตลาดจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงราคา ทำให้แนวรับและแนวต้านเป็นวิธีการสำคัญในทางเทคนิค.

แนวคิดและการใช้แนวรับ

บนกราฟแท่งเทียน หากราคาต่ำสุดในช่วงเล็กๆ ปรากฏหลายครั้ง การเชื่อมโยงราคาต่ำสุดซ้ำๆ และต่อยอดออกไปจะเป็นแนวรับ มันแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าราคาอยู่ในสถานะไม่สมดุลโดยที่อุปสงค์เกินอุปทาน เมื่อราคาเข้าสู่รอบนี้ จะมีการซื้อเพิ่มขึ้นและผู้ขายจะไม่ขาย ทำให้ราคาหันกลับมาเพิ่มขึ้น สาระสำคัญคือ เมื่อช่วงที่ผ่านมามีการเกิดจุดราคานี้หลายครั้ง จะสะสมปริมาณการซื้อขายที่มาก เมื่อราคาลดลงมาใกล้แนวรับ ผู้ขายจะหมดการซื้อขาย และผู้ที่ซื้อจะซื้อในราคาต่ำมากขึ้น ทำให้เกิดความต้องการมากขึ้น ส่วนที่ไม่แน่ใจมาก่อนก็มีแต่จะถูกล็อคไว้ไม่สามารถขายได้ ดังนั้นจึงทำให้พื้นที่ระดับราคานี้มีปริมาณการซื้อน้อยลงจึงก่อตั้งฐานสนับสนุนที่เข้มแข็ง.

แนวคิดและการใช้แนวต้าน

บนกราฟแท่งเทียน หากมีการปรากฏราคาสูงสุดในช่วงเล็ก ๆ หลายครั้ง การเชื่อมโยงราคาสูงสุดซ้ำ ๆ และต่อยอดออกไปจะเกิดเป็นแนวต้าน มันแสดงให้เห็นถึงสถานะที่อุปทานของทองคำมีมากกว่าอุปสงค์ในระดับราคาหนึ่ง เมื่อราคาซื้อขายขึ้นไปถึงพื้นที่นี้ ความต้องการขายจะเพิ่มขึ้นในขณะที่ผู้ซื้อไม่ต้องการซื้อในราคาที่สูง จึงแสดงให้เห็นในรูปแบบของราคาที่ถูกกดดันให้ลดลง ความสำคัญคือเหมือนกับแนวรับที่เกิดขึ้นในพื้นที่มีการซื้อขายหนาแน่น แนวต้านก็ยังปรากฏในพื้นที่เดียวกัน เพราะที่นั่นมีปริมาณการซื้อขายที่มาก เมื่อราคาซื้อขายอยู่ใต้ระดับนี้ แสดงว่ามีการขาดทุนจำนวนมาก จากนั้นเมื่อราคาขึ้นใกล้แนวต้าน ผู้ที่มีการมองภาพลบจะต้องการปลดล็อกหรือทำกำไรออกไป ส่งผลให้มีการขายออกมากมาย ปริมาณการเสนอขายของทองคำเพิ่มมากขึ้น.