แต่ก่อนเรียกวิธีนี้ว่า “การเทรดล็อค” ซึ่งเมื่อก่อนที่ผมเรียกมันว่าตาข่าย แต่การเข้าใจของผมในตอนนั้นผิดพลาด ตาข่ายทั่วไปควรเป็นการซื้อขายในทิศทางเดียว แม้จะสร้างตาข่ายสองทิศทาง ก็คือเพื่อช่วยลดความเสี่ยง
มาทำความเข้าใจกับตาข่ายในลักษณะที่ง่ายที่สุด: เช่น เราทำการซื้อ EUR/USD ในขณะเดียวกันก็ทำการซื้อ USD/CHF ด้วย (วัตถุประสงค์เพื่อป้องกันความเสี่ยงในทิศทางเดียว) สำหรับ EUR/USD: ที่ระดับราคาปัจจุบันแบบ 200 จุด ขึ้นลงทุกๆ 25 จุด จะวางคำสั่งซื้อ โดยแต่ละคำสั่งซื้อไม่ตั้ง Stop Loss และตั้งเป้าหมายทำกำไรที่ 25 จุด
สำหรับ USD/CHF: ที่ระดับราคาปัจจุบันแบบ 200 จุด ขึ้นลงทุกๆ 25 จุด จะวางคำสั่งซื้อ โดยแต่ละคำสั่งซื้อไม่ตั้ง Stop Loss และตั้งเป้าหมายทำกำไรที่ 25 จุด
การดำเนินการ: ทุกวันจะตรวจสอบเป็นระยะๆ ว่ามีคำสั่งซื้อใดที่ทำกำไรแล้วหรือไม่ เมื่อใดก็ตามที่คำสั่งใดมีการเก็บกำไร เช่น ถ้าเราเปิดที่ 1.2000 และปิดที่ 1.2025 เมื่อผ่านมา ก็จะกลับไปเปิดคำสั่งที่ราคา 1.2000
ถ้าคำสั่งใดที่ทำกำไรค้างอยู่ไม่มีการเก็บกำไร ณ จุดนั้นจะไม่มีการเปิดคำสั่งซื้อต่อไป
สามารถจินตนาการได้ หาก EUR/USD มีการเพิ่มขึ้น จะกระตุ้นให้มีคำสั่งซื้อหลายคำสั่ง เก็บกำไรพร้อมกัน และในขณะเดียวกัน USD/CHF จะต้องลดลง โดยจะมีกลุ่มคำสั่งค้างอยู่ หากหลังจากนั้น EUR/USD กลับมาลงอีก USD/CHF จะเพิ่มขึ้น ส่วน EUR/USD จะมีคำสั่งค้างที่เคยเปิดไว้
จะเห็นได้ว่าลักษณะพื้นฐานของกลยุทธ์ตาข่ายคือ ใส่คำสั่งในทิศทางเดียว วางตำแหน่งตามช่วงราคา ไม่เปิดตำแหน่งซ้ำในช่วงราคาเดียวกัน ไม่ Stop Loss และมีการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน
แนวคิดของการซื้อขายในตาข่ายคือ ราคาของสกุลเงินมีการสั่นสะเทือน ความเสียหายชั่วคราวไม่ใช่เรื่องน่ากลัวเสมอไป เพราะเรามักจะสามารถทำกำไรได้ในที่สุด
จากนี้ไปเราจะวิเคราะห์กลยุทธ์ตาข่าย: สมมุติว่าเราเปิดตำแหน่งเป็น Sell โดยแต่ละตำแหน่งคือ 0.01 Lot และช่วงราคาคือ 100 จุด (เช่น ทุกๆ 100 จุดจะมีการเปิดตำแหน่ง Sell หนึ่งครั้ง)
มาเราจะพิจารณาสถานการณ์ที่ง่ายที่สุด เพื่อความสะดวกในการศึกษา เราจะไม่พิจารณาอัตราความต่าง (คิดว่าอัตราความต่างเป็นศูนย์) และอัตราดอกเบี้ยข้ามคืน (ในตลาดการค้าจริง อาจไม่คำนึงถึงดอกเบี้ยข้ามคืน แต่ในความเป็นจริงดอกเบี้ยข้ามคืนบางครั้งก็เป็นประโยชน์ได้)
เป็นไปได้ว่าเมื่อเราสร้างตาข่ายเสร็จแล้ว ราคาลงต่ำกว่า 100 จุด เราจะทำกำไรได้ในแต่ละตำแหน่ง ถ้ามีการลดลง 100 จุด 100 ครั้งในแต่ละปี จะทำให้เราได้เงิน 1,000 ดอลลาร์ต่อปี โดยมีอัตราผลตอบแทน 22% และใช้เวลา 5 ปีในการคืนทุน
สำหรับกลยุทธ์นี้ ดูเหมือนจะมีการขาดทุนไม่รู้จบ แต่อันที่จริง การเปลี่ยนแปลงของสกุลเงินจะมีช่วงที่จำกัด นอกจากนี้ความเสียหายเหล่านี้ถือเป็นค่าใช้จ่ายสูงสุดในการสร้างตาข่าย และเป็นเพียงขาดทุนลอยตัว
ข้อดีของกลยุทธ์ตาข่ายคือเรียบง่ายและมีความเสี่ยงที่สามารถจัดการได้ แต่อาจมีผลกำไรน้อยมาก ในการเพิ่มค่าใช้จ่ายในการสร้างตาข่าย อาจจะมีการสร้างผลกำไรในระดับที่สูงขึ้น
2024-11-14
การวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทัศนคติของนักลงทุนหลังจากประสบความขาดทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยผ่านหลายขั้นตอนเช่นการปฏิเสธ, ความโกรธ, การตำหนิตนเอง, ความคิดเชิงลบ และการยอมรับ
การลงทุนขาดทุนตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศทัศนคติการลงทุน
2024-11-14
การวิเคราะห์อุปสรรคทางจิตใจที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ โดยเน้นความสำคัญของการจัดการความเสี่ยงและการควบคุมอารมณ์
การลงทุนการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอุปสรรคทางจิตใจการควบคุมความเครียดการวิเคราะห์ทางจิตใจ
2024-11-14
บทความนี้แบ่งปันประสบการณ์การลงทุนในตลาด Forex โดยมีข้อคิดสำคัญ 13 ข้อสำหรับนักลงทุน
การลงทุนตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศForexประสบการณ์การลงทุน
เกี่ยวกับเรา
ติดต่อเรา
เรื่องที่น่ารู้
Crescentcollege คือเว็บไซต์ที่มุ่งมั่นแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับตลาด Forex และ Cryptocurrency เช่น Bitcoin, Ethereum, XRP, Litecoin และ Dogecoin รวมถึงข้อมูลข่าวสารที่อัปเดตอย่างรวดเร็ว ครอบคลุมทุกความเคลื่อนไหวในตลาดเหล่านี้
เราไม่สนับสนุนการชักชวนให้เทรดหรือการระดมทุนในทุกรูปแบบ เรามุ่งมั่นเป็นเพียงสื่อกลางในการแบ่งปันความรู้ที่เป็นประโยชน์เท่านั้น
**การซื้อขายสินทรัพย์ทางการเงินทุกประเภทมีความเสี่ยง นักลงทุนหรือนักเก็งกำไรควรทำความเข้าใจอย่างถี่ถ้วนก่อนการซื้อขาย**
ข้อมูลลิขสิทธิ์และนโยบายการใช้งานของ Crescentcollege สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้บนเว็บไซต์
ติดต่อทางอีเมล: [email protected]
ติดต่อเพิ่มเติมทาง Line:
© 2024 Crescentcollege. สงวนลิขสิทธิ์ ห้ามทำซ้ำ คัดลอก หรือเผยแพร่ข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต
เรานำเสนอข้อมูลอย่างโปร่งใสและเป็นกลาง โดยไม่มีเจตนาในการชักชวน ชี้นำ หรือให้คำแนะนำการลงทุน
ความคิดเห็นของผู้ใช้
ยังไม่มีความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น