1. แนวโน้ม

แนวโน้ม หมายถึง ทิศทางของตลาด โดยใช้คำพูดของ LIVERMORE ฉันไม่อยากใช้คำว่า "ตลาดกระทิง" หรือ "ตลาดหมี" เพื่ออธิบายตลาด แต่จะใช้คำว่า แนวโน้มขาขึ้น หรือ แนวโน้มขาลง ซึ่งพูดให้ดูวัตถุประสงค์มากกว่า แนวโน้มของตลาดนั้น เราจะดูจากรูปแบบของกราฟแท่งเทียน แนวโน้มเคลื่อนที่เฉลี่ย ความชัน ระยะห่าง การกระจาย การตัดกัน การเกาะกลุ่ม และแรงกดดันย้อนกลับ

2. เวลา

เวลา ก็คือเวลาที่จะเปิดสถานะการซื้อขาย เวลาที่จะเพิ่มสถานะ และเวลาที่จะปิดสถานะ ต่าง ๆ จะถูกกำหนดตามรอบการทำงานของแต่ละบุคคล หากคุณเป็นผู้ค้าในระยะกลาง และทำการซื้อขายจากกราฟรายวันและรายสัปดาห์ เวลาที่จะเปิดสถานะควรจะเป็นหลังจากกราฟแท่งเทียนของวันก่อนปิดลง และเวลาที่จะเพิ่มสถานะควรเป็นหลังจากกราฟแท่งเทียนของสัปดาห์ที่ผ่านมา ปิดสถานะและเปิดสถานะจะต้องปฏิบัติตามหลักการเวลาอย่างเคร่งครัด โดยไม่ให้คลื่นระดับราคากวนใจการทำงานของเรา

3. เหตุการณ์

เหตุการณ์ หมายถึง เหตุการณ์สำคัญระดับชาติและนานาชาติ เราต้องมีมุมมองที่กว้างขวาง เกี่ยวกับสถานการณ์ของตลาด สถานะ และความสนใจของผู้มีส่วนร่วมที่ย่อมเปลี่ยนแปลงตามปัจจัยแมคโคร ที่ประชุม G7 ในเดือนเมษายนปี 2006 เป็นตัวอย่างที่สำคัญของความสำคัญของเหตุการณ์ การตัดสินใจในการประชุมแต่ละธนาคารกลาง รายงานต่าง ๆ การประชุมระหว่างประเทศ สถานการณ์ในตะวันออกกลาง ประเด็นนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ และการก่อการร้ายเป็นปัญหาที่เราควรให้ความสนใจ เหตุการณ์เหล่านี้มักเป็น "แรงผลักดัน" ที่ทำให้ตลาดเคลื่อนตัวออกจากช่วงการผันผวน

4. ราคา

เมื่อเราเข้าใจแนวโน้ม กำหนดเวลา และมี "แรงผลักดัน" ตอนนี้เราต้องพิจารณาเรื่องการตั้งราคา ซึ่งมีความเกี่ยวข้องกับการปฏิบัติของเรา นักลงทุนแต่ละคนจะมีแนวทางเข้าและแนวทางการหยุดขาดทุนที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่มีการตั้งกฎที่เป็นที่ยอมรับได้ทั่วกัน สิ่งที่เหมาะสมกับตัวเองก็คือสิ่งที่ดีที่สุด การค้นหาจุดที่สำคัญเป็นสิ่งที่สำคัญ จุดราคาต่าง ๆ เช่น 1.90 หรือ 1.80 ของปอนด์อังกฤษ รวมถึงบริเวณที่มีการซื้อขายหนาแน่น เช่น 1.96 และจุดสูงสุด-ต่ำสุดก่อนหน้านี้ เช่น 1.915 และ 1.86 ล้วนเป็นจุดที่เราควรให้ความสนใจ

5. ขนาดการลงทุน

ก่อนที่จะวางคำสั่งซื้อขายในราคาที่ต่ำที่สุด สิ่งสุดท้ายที่ต้องพิจารณาคือปัญหาขนาดการลงทุน คุณตั้งใจจะใช้เงินทุนเท่าไรในการเข้าร่วมกับตลาดในครั้งนี้ การเปิดสถานะ การเพิ่มสถานะ และการปิดสถานะจะแบ่งสัดส่วนอย่างไร ขอบเขตการหยุดขาดทุนสูงสุดของแต่ละคำสั่งคือเท่าไร และการสูญเสียสูงสุดในหนนี้นั้นคือเท่าไร ถ้ามีการทำกำไร กำไรจะถูกจัดการอย่างไร และการจัดการเงินทุนหลังจากที่ตลาดสิ้นสุดคืออะไร คุณตั้งใจจะทำหลายประเภทสินทรัพย์หรือไม่ และการแบ่งสัดส่วนการลงทุนระหว่างสินทรัพย์แต่ละประเภท จะต้องมีการวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ