ประสบการณ์ในครั้งแรก

จริงๆ แล้ว เมื่อครั้งแรกที่ได้สัมผัสกับการเทรดแบบมาร์จิ้น ฉันได้เชื่อว่านี่คืออาชีพตลอดชีวิตของฉัน ฉันไม่กลัวความยากลำบาก เริ่มอ่านหนังสือ เริ่มเรียนรู้ ฉันทิ้งเงิน 10,000 บาทเข้าไปในตลาด ซื้อสกุลเงิน EUR/USD ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เล็กมาก ในขณะนั้นใจฉันเต้นแรงมาก เพราะฉันคิดว่านี่เป็นสัญลักษณ์เริ่มต้นชีวิตใหม่ของฉัน แต่สุดท้ายในวันศุกร์ของสัปดาห์นั้นก็ระเบิดบัญชีใหม่ทันที ชีวิตใหม่ของฉันก็จบลง ฉันไม่มีทฤษฎีใด ๆ ที่จะนำไปปฏิบัติ ฉันเพียงแค่เสี่ยงโชค คาดเดาไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้นอนทั้งคืน เมื่อเงินหมดวันนั้น ฉันก็มีไข้ถึง 40 องศา เรียกรถพยาบาลและต้องติดสายน้ำเกือบทั้งคืน ฉันไม่ใช่คนสูบบุหรี่ ดื่มเหล้า หรือเล่นการพนัน ฉันแค่ชอบสาวสวย และเชื่อว่าฉันทำงานอย่างมีสติ ฉันจึงคิดว่าทำตลาดก็ไม่มีปัญหา แต่เมื่อใดก็ตามที่ฉันสัมผัสเมาส์ เหมือนว่าฉันกำลังเสี่ยงโชคอยู่เสมอ เงินใหญ่เสี่ยงกับเงินเล็กก่อน จากนั้นเงินใหญ่ก็มาสู้กับเงินใหญ่ สุดท้ายเงินเล็กกลับเสี่ยงกับเงินใหญ่ ผลลัพธ์คือยิ่งเสี่ยงยิ่งไม่มีชัยชนะ ยิ่งไม่มีชัยชนะกลับยิ่งเสี่ยง จนกระทั่งหมดตัว และเมื่อฉันหายจากอาการป่วย ฉันก็เข้าสู่ช่วงต่อต่อไป

การค้นหาความน่าจะเป็น

ในขั้นตอนที่สอง ฉันเริ่มมองหาความน่าจะเป็น โดยใช้เงินทุนสัดส่วนเล็กๆ ในการค้นหาโอกาสที่มีความน่าจะเป็นสูง หากต้องการชนะเร็ว ต้องมีการเพิ่มปัจจัยโอกาสอย่างเทียม อย่างไรก็ตาม ฉันตัดสินใจพัฒนาอัตโนมัติการเทรด จึงสามารถมองหลายตลาดพร้อมกันได้ ขณะนั้นยังเรียนอยู่ โดยมีวิชาหนึ่งที่เรียนชื่อว่า FINANCIAL MODELING จริงๆ แล้ว FINANCIAL MODELING ก็คือการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เพื่อใส่ “สมมุติฐาน” ให้กับการเงิน แม้แต่ ACCOUNTING ก็สามารถทำเป็นโมเดลอัตโนมัติได้ ไม่ได้ยากจนเกินไป ฉันมีพื้นฐานด้านการเขียนโปรแกรมและอัลกอริธึมจากการศึกษาในปีหนึ่งและปีสอง และยังมีเพื่อนที่เรียนด้านการคอมพิวเตอร์ช่วยในการพัฒนา มันจึงไม่ยากเกินไป โมเดลหนึ่งมีน้ำหนัก 40% ก็ถือว่าคุ้มค่าในการลงทุนเวลา ฉันจึงพัฒนาระบบการซื้อขายโดยอิงจากการตัดกันของค่าเฉลี่ยใน 5 นาที โดยสถิติการวิเคราะห์แบบอัตโนมัติในการเข้า และมือในการออก ฉันไม่รู้ว่าบริษัทที่แท้จริงเขาทำการค้าอัตโนมัติอย่างไร แต่ตามความเข้าใจในขณะนั้น ระบบที่ฉันพัฒนานี้ก็ดูเหมือนอัตโนมัติ สถิติผลลัพธ์ออกมาดีมาก ฉันจึงตั้งความหวังสูงมากในการใช้งาน

การระเบิดบัญชีครั้งที่สอง

ไม่นานหลังจากที่เริ่มใช้ระบบนั้น นั่นคือช่วงที่ฉันระเบิดบัญชีครั้งที่สอง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดจากการใช้ระบบมาโดยตรง การระเบิดบัญชีครั้งที่สองนี้เป็นครูที่ดีที่สุด มันไม่เพียงแต่ระเบิดบัญชี แต่ยังทำให้จิตใจแตกสลายและทำลายความเชื่อมั่นของฉันอีกด้วย สิ่งที่เป็นปีศาจ ปีศาจคือเพื่อทำลายอย่างแท้จริง สิ่งที่เป็นพระเจ้า พระเจ้าคือเพื่อให้เกิดใหม่เพื่อการทำลาย ในขณะที่เงินทุน ความคิด และความเชื่อของคุณถูกทำลาย ปีศาจและพระเจ้าจะมาหาคุณ พร้อมด้วยทางเลือกให้คุณเลือก ฉันตัดสินใจไม่ใช้ระบบอัตโนมัติอีกต่อไป เพราะฉันต้องการตามหาพระเจ้า ระบบนั้นถูกขอคืนโดยอาจารย์ของฉัน ผู้ซึ่งต้องการรู้วิธีการใช้ ฉันไม่รู้ว่าเขาต้องการทำอะไร ฉันจึงให้โปรแกรมแก่เขา พร้อมกับสถิติที่เจ็บแสบที่ฉันเก็บไว้เป็นที่ระลึกถึงการระเบิดบัญชีครั้งที่สอง

การค้นหารูปแบบการเทรด

ฉันไม่ชอบอาจารย์ของฉัน เพราะเขาให้คะแนนโมเดลของฉันต่ำมาก เพราะเขาไม่เคยเห็นโมเดลแบบนี้ แต่กลับมีความอยากรู้ ฉันจึงแนะนำระบบของฉันให้เขา หวังว่าสิ่งนี้จะสามารถทำลายบัญชีของเขาได้ ในปีถัดมา ฉันไม่มีความมั่นใจ ฉันเลยขออาจารย์ฝึกฝนกับผู้มีประสบการณ์ ฉันได้ไปศึกษากับผู้อาวุโสด้านการเทรดแนวโน้ม เพราะแนวโน้มมีชื่อเสียงดีและมีฐานคนที่แข็งแกร่ง ฉันได้ไปศึกษากับผู้อาวุโสด้านการเทรดเชิงปริมาณ เพราะเขาสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีประสิทธิภาพในช่วงเวลาที่สั้นมาก ฉันยังได้ศึกษากับผู้อาวุโสที่ไม่ทำการเทรดใดๆ แต่ฉันสามารถสัมผัสถึงพลังงานจากเขาได้เพียงแค่พูดคุยกันก็เหมือนได้รับความอบอุ่น ตอนนี้ผ่านมาแล้ว ฉันได้ทำการเทรดมาไม่น้อยกว่า 1,000 ครั้ง

การพัฒนาตนเอง

สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นคือเกือบทุกครั้งที่ฉันเริ่มมีจุดมุ่งหมายในการทดลอง สรุป และตรวจสอบจากการเรียนรู้ ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นสามช่วงดังนี้:

• ช่วงแรกคือการเรียนรู้ที่เพิ่มพูน ในช่วงเวลานั้นโต๊ะและพื้นเต็มไปด้วยหนังสือ 78 เล่มที่ฉันอ่านแล้ว
• ช่วงที่สองคือการเรียนรู้ที่ซับซ้อน ในช่วงเวลานั้นหนังสือแต่ละเล่มถูกเก็บกลับเข้าตู้ เพราะแทบไม่เปิดอ่านอีกแล้ว
• ช่วงที่สามคือการสะสมประสบการณ์และใช้ความรู้ที่ได้สั่งสมมาในการสรุปประสบการณ์ในตลาด

ผู้เขียน: ดาวำร