01 ทำไมต้องพูดถึงความลื่นไหล?

สำหรับนักเทรด ความลื่นไหลของตลาดมีผลโดยตรงต่อความสามารถในการดำเนินการคำสั่งซื้อของนักเทรดและคุณภาพของการทำธุรกรรม ดังนั้นความลื่นไหลคืออะไร? อย่างง่ายก็คือ มีคนในตลาดที่ยินดีรับคำสั่งของคุณในราคาที่เหมาะสม

02 สถานการณ์การลื่นไหลในตลาด

เมื่อความลื่นไหลในตลาดมีเพียงพอ ไม่ว่าจะเป็นคำสั่งซื้อหรือคำสั่งขาย ก็สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็วในตลาด ในขณะที่เมื่อขาดความลื่นไหล คำสั่งของนักเทรดอาจไม่สามารถดำเนินการได้ หรืออาจมีค่าธรรมเนียมสูงในการดำเนินการ

โดยทั่วไปสภาพที่ไม่มีความลื่นไหลอาจมีอยู่ 2 สถานการณ์ หนึ่งคือคำสั่งซื้อและขายในตลาดนั้นน้อยเกินไป เช่นช่วงเวลาที่ตลาดเอเชีย ซึ่งการซื้อขายค่อนข้างน้อย ความลื่นไหลจึงค่อนข้างต่ำ อีกหนึ่งคือเกิดแนวโน้มของตลาดอย่างหนึ่งที่มีแต่คำสั่งซื้อหรือขาย เช่นเหตุการณ์หงส์ดำของสันติภาพสวิส ที่มีการซื้อสกุลเงินสวิสเป็นจำนวนมากทั่วโลก

03 ความลื่นไหลในตลาด Forex ค้าปลีกเกิดขึ้นอย่างไร?

ตลาดแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเป็นตลาดที่ไม่มีการจัดตั้ง มีปริมาณการซื้อขายเกือบ 6 ล้านล้านดอลลาร์ต่อวัน แต่การซื้อขายเหล่านี้มักจะมุ่งเน้นไปที่ตลาดระหว่างธนาคาร ในแต่ละวันผู้เข้าร่วมตลาดระหว่างธนาคาร (ธนาคารกลาง ธนาคารพาณิชย์ และกองทุนเฮดจ์ฟันด์) จะซื้อขายแลกเปลี่ยนเงินตรา โดยพิจารณาจากนโยบายการเงิน ความเสี่ยงด้านตำแหน่ง และการเก็งกำไร สิ่งนี้คือที่มาของการเสนอราคาและคำสั่งมากที่สุดในตลาด Forex

ในตลาดค้าปลีก ความลื่นไหลเกิดจากผู้ค้าหรือผู้ให้บริการความลื่นไหลชั้นหนึ่งที่มีเครดิตดีและมีทุนทางการเงินที่แข็งแกร่ง จะฝากเงินมัดจำจำนวนมากไว้ที่ธนาคารหนึ่งแห่งในตลาดระหว่างธนาคาร และทำสัญญาเพื่อเชื่อมต่อกับความลื่นไหลของธนาคารนั้น และรับราคาจากตลาดระหว่างธนาคารพร้อมทั้งสามารถส่งคำสั่งไปยังธนาคารนั้นได้

ผู้ซื้อขายที่มีความเชื่อมโยงกับธนาคารเหล่านั้นจะมักให้บริการบางประการแก่สถาบัน ซึ่งบริการเหล่านี้คือการส่งต่อความลื่นไหลจากธนาคารไปยังผู้ค้ารายย่อย

แน่นอนว่าตลาดยังมีผู้ให้บริการความลื่นไหล/ผู้ค้าซึ่งไม่สามารถเชื่อมต่อโดยตรงจากตลาดระหว่างธนาคาร แต่จะรวมความลื่นไหลจากผู้ค้ารายใหญ่ที่สามารถเชื่อมต่อกับธนาคารหลายรายเพื่อดำเนินการให้กับผู้ค้ารายย่อย

04 ค่าธรรมเนียมและคุณภาพของความลื่นไหล

โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งใกล้ความลื่นไหลของธนาคารมากเท่าไร ก็ยิ่งมีความลื่นไหลมากขึ้นและอัตราแลกเปลี่ยนก็ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม นโยบายที่นายหน้าต่างๆ ให้กับ IB ที่แตกต่างกันจะไม่เหมือนกัน แม้แต่การเชื่อมต่อจากธนาคารเดียวกัน ความลื่นไหลของผู้ค้าสองรายก็จะแตกต่างกัน และธนาคารจะมีวิธีการจัดการคำสั่งที่แตกต่างกันตามความสัมพันธ์ระหว่างนายหน้ากับธนาคาร

ความสัมพันธ์ของนายหน้าเหล่านี้มักขึ้นอยู่กับว่านายหน้าสามารถสร้างผลกำไรให้กับธนาคารได้หรือไม่

นอกจากนี้สองนายหน้าที่เชื่อมต่อกับความลื่นไหลเดียวกัน ราคาที่ให้กับนายหน้าทั้งสองอาจแตกต่างกัน ถ้าคุณมีปริมาณการซื้อขายมาก ราคาที่คุณจะได้ดีกว่า ถ้าคำสั่งของคุณมีคำสั่งยกเลิกเยอะๆ ความลื่นไหลที่ได้รับก็จะมีสลิปที่มากหรือปฏิเสธคำสั่ง

นอกจากนี้ เมื่อปริมาณการซื้อขายเพิ่มขึ้น ความต้องการขั้นต่ำจะสูงขึ้น เพราะคุณอาจเป็นเพียงลูกค้ารายย่อยสำหรับเขา (ดังนั้นไม่มีการเจรจาเกี่ยวกับสลิปและการปฏิเสธคำสั่ง) เพราะฉะนั้นเราจึงเห็นว่าค่าธรรมเนียมของธนาคารต่ำและลึกมาก แต่การเสนอราคาที่เห็นอาจไม่สามารถทำธุรกรรมได้

นอกจากนี้ หากมีคำสั่งที่เสียหายจำนวนมากแม้จะส่งไปยังผู้ให้บริการลื่นไหลระดับสูง ความลื่นไหลอาจมีการสลิปหรือปฏิเสธคำสั่ง

สำหรับนายหน้าเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ก็จะส่งผลต่อความสัมพันธ์ของพวกเขากับผู้ให้บริการความลื่นไหลและธนาคาร จึงอาจส่งผลให้ความลื่นไหลที่ได้รับจากระดับสูงแย่ลง

【เคล็ดลับ】:

1. เหมือนกับการให้อัตราต่างๆ ในบัญชีที่แตกต่างกัน ผู้ให้บริการความลื่นไหลให้ความลื่นไหลที่แตกต่างกันกับนายหน้าที่แตกต่างกัน

2. โดยทั่วไปแล้ว ยิ่งใกล้แหล่งความลื่นไหลมากเท่าไร ความลื่นไหลก็ยิ่งมีความเป็นเลิศมากขึ้น (ค่าธรรมเนียมที่เก็บจากนายหน้าหรือผู้ให้บริการความลื่นไหลซึ่งสร้างกำไร ดังนั้นความแตกต่างของราคาอาจเพิ่มขึ้น)

3. สำหรับความลื่นไหลของธนาคารแหล่งกำเนิด แม้ว่าลึกพอสมควร แต่ราคาที่เห็นไม่แน่ใจว่าจะให้ดำเนินการหรือไม่ และโดยมากก็ไม่มีการเจรจา